Daily Focus-Domestic and Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ High เดิมบริเวณ 1,658 จุด แต่มีแรงขายในช่วงบ่ายหนาแน่นทำให้อ่อนตัวลงมาเหลือบวกเพียง 3.40 จุด และยังไม่สามารถยืนปิดเหนือ 1,650 จุดได้ สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิหนาแน่น 2.3 พันลบ. (และยัง Long Index Futures อีก 5.7 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index ยังแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,645-1,655 จุด โดยรวมทางเทคนิคยังไม่เป็นบวก หลังยังไม่สามารถยืนปิดเหนือระดับ 1,650 จุดได้ ส่วนรายงานการประชุม FED ที่เปิดเผยออกมาเมื่อคืน ระบุว่าเจ้าหน้าที่ FED หลายท่านพร้อมที่จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงเพิ่มวงเงินลด QE ให้เร็วขึ้น จากที่เคยประเมินหากเงินเฟ้อยังคงเร่งตัวมากกว่าที่คาด ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield 2 ปีซึ่งสะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงไต่ระดับขึ้น โดยปัจจัยดังกล่าวอาจกระทบ SET Index บ้างในเชิง Sentiment แต่เรายังคงให้น้ำหนักบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทย ที่จะทยอยเกิดขึ้นใน 4Q21 เป็นต้นไปมากกว่า และจะเป็นบวกต่อหุ้น Domestic และ Reopening Play อย่างชัดเจนในปีหน้า กลยุทธ์ยังแนะนำ “ถือลงทุน” สําหรับส่วนที่สะสมมาแล้ว ส่วนระยะสั้นเก็งก่าไรหุ้นที่ยัง Laggard และยังมี Valuation ยังต่ำกว่าก่อนวิกฤต COVID-19

กลยุทธ์: เน้นลงทุนหุ้น Domestic และ Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE

หุ้นเด่นวันนี้: TKS

  • แนะน่า “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
  • คาดกําไร 4Q21 ฟื้นตัวเด่นตามการ Reopening และส่วนแบ่งกำไรจาก SYNEX ที่จะพุ่งขึ้นอย่างมีนัยยะทำ New High จาก High Season และ iPhone13 ที่ขายเกือบเต็มไตรมาส
  • จุดเด่นยังคงเป็น Valuation ที่ยังถูก โดยยังมี Discount จาก NAV ของ SYNEX เกือบ 40% และเสมือนได้ธุรกิจโรงพิมพ์ของ TKS และหุ้น SABUY 9.68% ฟรี
  • แนวรับ 12.30-12 บาท แนวต้าน 13-13.20 // 14 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคอีกครั้ง US$ 464 ล้าน โดยไหลเข้าทุกประเทศ นําโดยเกาหลีใต้ US$ 337 ล้าน รวมถึงอาเซียนนำโดยไทย US$ 70 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ไหลออก แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังค่อยไปในทิศทางไหลเข้าตามเศรษฐกิจที่ฟื้น แต่ระยะสั้นถูกจํากัดจาก Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลัง FED มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) กลุ่มขายสินค้า IT ปรับตัวขึ้นแรงวานนี้ เรายังไม่พบประเด็นบวกใหม่ที่ชัดเจน แต่อุตสาหกรรมกำลังเข้า High Season ใน 4Q21-1Q22 ที่มีสินค้าใหม่ โดยเฉพาะ Apple เปิดตัว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น CPW (ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท) และ SPVI (ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท) ปรับตัวขึ้นแรงจนเกินราคาเป้าหมาย จึงแนะนำ “ทำกำไร” มีเพียง SYNEX (ราคาเป้าหมาย 34 บาท) ที่ยังมี Upside เปิดกว้าง แนะนำ “ซื้อ” ส่วน COM7 (ราคาเป้าหมาย 85 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร

(+) TACC เรายังคงมุมมองกำไร 4Q21 ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังคลาย Lockdown โดยรายได้เดือน ต.ค. กลับมาโต Y-Y ได้อีกครั้ง และเตรียมออกสินค้าใหม่น้ำอัลคาไลน์ในเดือน ธ.ค. ส่วนสถานการณ์วัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ยังกระทบจำกัด และมีการจัดการซึ่งยังทําให้ผลกระทบจํากัด ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 10-15% ในทุกธุรกิจทั้งเครื่องดื่ม และ Character รวมถึงการขยายตาม 7-11 ในต่างประเทศและเพิ่มฐานลูกค้า Non 7-11 ยังคาดกําไรปี 2022 +21% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 9.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) CFRESH แนวโน้มกำไร 4Q21-1Q22 ยังสดใสจากทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง Margin ที่ขยายตัวจากการเจาะตลาดขาย Chain ร้านอาหารในไทย ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือค่าเงินที่ผันผวน รวมถึงราคากุ้งที่มีความเป็น Commodity สูง ซึ่งต้องติดตามอย่างต่อเนื่องในระยะยาว อย่างไรก็ตาม Valuation ยังถูก เทรด PE เพียง 13 เท่า เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายกลางปี 2022 เป็น 5.40 บาท แนะนํา “ซื้อ”

(0) IRC กำไร 4Q21 (ก.ค.-ก.ย. ) -49% Q-Q, -64% Y-Y ต่ำกว่าคาด 5% จากต้นทุนโพลีเมอร์สเคมีคอลและยางสูงขึ้น ขณะที่ตลาดในประเทศอ่อนแอ เราคาดว่า 1Q21 (ต.ค.-ธ.ค. 2021) จะยังถูกกระทบจากต้นทุนที่สูงก่อนจะชะลอในไตรมาสถัดไป จากอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น คงประมาณการกำไรปี 2022-2023 (สิ้นสุด ก.ย. ) +10% CAGR ในช่วง 2 ปีข้างหน้า คงราคาเป้าหมายที่ 22.0 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี PBV เพียง 0.8x แนะนํา “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 9.42 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 35,804.38 จุด เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ อาทิ นอร์ดสตรอม และแก๊ป อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาด

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นถูกจำกัด ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด COVID-19

(+) ตลาดเอเชีย ปรับขึ้น โดยฟื้นตัวหลังจากปรับลงในวันก่อนหน้า รวมถึงดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ติดตามธนาคารกลางเกาหลีใต้ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในเช้านี้

(0) ค่าเงินบาท แกว่งในกรอบแคบล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 11 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 78.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 481,000 บาร์เรล

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 50 เซนต์หรือ 0.03% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ฟื้นตัวหลังปรับลงในช่วงก่อนหน้า

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 991.11 / +-

- Advertisement -