คาดโอไมครอนกดดันการลงทุนระยะสั้น สัปดาห์แนะ BCH CHG
วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงแรง เนื่องจากเผชิญกับ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ (โอไมครอน) ข้อมูลล่าสุดพบการระบาดในอังกฤษ เยอรมนี อิตาลี สาธารณรัฐเช็ค สำหรับประเทศไทยยังไม่พบสายพันธุ์ใหม่ และล่าสุดไทยโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศ 8 ประเทศเสี่ยงในแอฟริกาห้ามเดินทางเข้าประเทศไทย ประกอบไปด้วย (รัฐบอตสวานา, ราชอาณาจักรเอสวาตินี ราชอาณาจักรเลโซโท รัฐมาลาวี รัฐโมซัมบิก รัฐนามิเบีย รัฐแอฟริกาใต้ รัฐ ซิมบับเว) ส่วนผู้เดินทางก่อนหน้านี้ที่อยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงข้างต้นต้องกักตัว 14 วันทุกราย และไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมนอกห้องพัก ทั้งนี้ 8 ประเทศข้างต้นมิได้เป็นนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทยในช่วงปี 19 รวมถึงการเปิดประเทศ ช่วง 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ดังนั้นการสั่งห้ามจึงมิได้กระทบการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ภาคการส่งออกไทยมีสัดส่วนมูลค่าส่งออกทั้งหมดไปยังแอฟริกาคิดเป็นเพียง 0.77% เชิงปัจจัยพื้นฐาน ทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนผลกระทบจึงถือว่าจำกัด
SET INDEX ที่ปรับฐานลงในวันศุกร์ราว 2.3% มองว่า Panic เกินไป นักลงทุนระยะกลางแนะใช้เป็นจังหวะทยอยสะสม โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนควรติดตามการระบาดว่าจะแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆหรือประเทศที่มีการระบาดอยู่แล้วมีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นหรือไม่ หากเกิดการเร่งตัว อาจทำให้ตลาดหุ้นปรับฐานได้และควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะ GlobalPlay อาทิ น้ำมัน (PTTEP) ปิโตรเคมี (PTTGC IVL) เดินเรือ (PSL TTA) ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากความกังวลของนักลงทุน ว่าการระบาดจะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลยังอุปสงค์ ส่วนกลุ่มที่มีโอกาสเคลื่อนไหวโดดเด่นในระยะสั้น ได้แก่ โรงพยาบาล (BCH CHG) ถุงมือยาง (STA STGT )
ปัจจัยอื่นๆในสัปดาห์นี้จะได้แก่ (1) ประชุม OPEC+ ในวันที่ 2ธ.ค.ตามแผนเดิม จะเห็นที่ประชุมเพิ่มกำลังการผลิตเข้ามา 4 แสนบาร์เรล/วัน แต่หลังจากสหรัฐได้ปล่อยคลังน้ำมันเข้ามาจึงต้องติดตามว่าที่ประชุมจะยังคงแผนเพิ่มกำลังการผลิตเข้ามาหรือไม่ หากมีมติปล่อยเพิ่มเข้ามาอาจกดดันราคาน้ำมันดิบ (2) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันพุธอย่าง PMI การผลิต Bloomberg ประเมินที่ 59.9 ถัดมาจะเป็นวันศุกร์ สำหรับการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ Bloomberg ประเมินที่ 5.28 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานที่ 4.5%
SET INDEX สัปดาห์นี้ยังเสี่ยงจะปรับตัวลงต่อจากปัจจัยความกังวล COVID-19 ประเมินแนวรับสัปดาห์นี้ที่ 1590 และแนวรับระยะกลางที่ 1530 เชิงกลยุทธ์การลงทุน การ Trading ระยะสั้นแนะหุ้นได้ประโยชน์จาก COVID-19 อาทิ โรงพยาบาล (BCH CHG) ถุงมือยาง (STA STGT) ส่วนจังหวะปรับฐานมองเป็นโอกาสทยอยสะสม Domestic Play อย่างค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANKSCB) ปั๊มน้ำมัน (PTG) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) รถไฟฟ้า (BTS BEM)
BCH (อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ) แม้เราอยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำและประมาณการ แต่ระยะสั้นเชื่อว่าจะได้จิตวิทยาเชิงบวกจากการระบาด COVID-19 สายพันธุ์ใหม่อย่างโอไมครอน ซึ่งในช่วงที่ประเทศไทยเกิดการระบาด บริษัทถือเป็นผู้ได้ประโยชน์ จึงสามารถ Trading ได้
CHG (ถือ / ราคาเป้าหมาย 3.9 บาท) ระยะสั้นเชื่อว่าจะได้จิตวิทยาเชิงบวกจากการระบาด COVID-19 สายพันธุ์ใหม่อย่างโอไมครอน ขณะที่ช่วงเกิดการระบาดรอบ DELTA บริษัทเป็นผู้ได้ประโยชน์ มองว่าระยะสั้นสามารถ Trading ได้