ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ปรับลงต่อ แต่น่าจะมีรีบาวด์ระหว่างวันบ้าง
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ลดลงต่อ มีโอกาสทดสอบระดับทางจิตวิทยา 1,600 จุด ก่อนลุ้นรีบาวด์ระหว่างวัน ขึ้นกับข่าวสารเรื่องสายพันธุ์ Omicron … หลังจากเมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่าที่เราประเมินมาก ทั้งจากความกังวลต่อ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งทำ QE tapering และอาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย + รายงานการพบเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ซึ่งส่งผลให้หลายประเทศกลับมาคุมเข้มมาตรการอีกครั้ง … ปัจจัยลบหลักในวันนี้อยู่ที่ราคาน้ำมันดิบซึ่งลดลงเกือบ 13% เมื่อวันศุกร์ และน่าจะกดดันหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีพอสมควรในระยะสั้น ทั้งนี้หากคำนวณด้วยสูตร earnings yield gap สมมติฐานที่ค่าเฉลี่ยระยะยาว 4.1% บอนด์ยิลด์อายุ 10 ปีของไทยที่ 1.9% และ consensus EPS ปี 2565 ที่ประมาณ 95 บาท จะได้ความเสี่ยงทางลงของ SET Index อยู่ที่แถวๆ 1,580 จุด ทั้งนี้ ด้วยปัจจัย ณ วันนี้ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าที่ระดับ 1,580 จุดดังกล่าวมีความน่าสนใจในการกลับเข้าลงทุน เพราะ i) ผู้ผลิตวัคซีนหลักอย่าง Pfizer และ Moderna แถลงว่าน่าจะใช้เวลาเพียง 2 เดือนในการพัฒนาวัคซีนสำหรับสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว ii) ประเทศไทยยังคงเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนฯ อย่างต่อเนื่องโดย ณ วันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมาไทยฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และครบ 2 เข็มได้ถึง 68% และ 58% ของประชากรตามลำดับ … ขณะที่เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ชะลอเหลือ 4,753 ราย เสียชีวิต 27 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 6,165 ราย
หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร BCH*, EPG*, LEO
- BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 20.6 บาท / แนวต้าน 21.3 – 21.9 บาท (Stop loss 20 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้นที่ Underperform ตลาดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากคาดสถานการณ์โควิด-19 ในไทยผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดไปแล้ว อย่างไรก็ดี โอกาสการแพร่ระบาดของโควิด -19 อีกครั้ง ในช่วงเทศกาลปีใหม่หลังการเปิดประเทศ และรวมถึงความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ จะเป็นปัจจัยหนุนการเก็งกำไรหุ้นโรงพยาบาลที่เน้นผู้ป่วยในประเทศอีกครั้ง 3) หากสถานการณ์การแพร่ระบาดแย่กว่าคาดประมาณการฯ ปี 2565 ของฝ่ายวิจัยฯ มี Upside ที่จะปรับประมาณการฯ ขึ้น (ปัจจุบันฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรปี 2565 = 1.77 พันล้านบาท ลดลง 54% YoY)
- EPG* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.4 บาท / แนวต้าน 12.0 – 12.5 บาท (Stop loss 11 บาท) 2) ประเมินราคาน้ำมันที่ปรับลงแรงจะเป็น Sentiment บวกต่อ EPG ในด้านแนวโน้มต้นทุนราคาเม็ดพลาสติกที่จะลดลงในอนาคต 3) คาดความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารจากพลาสติกจะเพิ่มขึ้นในต้นปีหน้าทดแทนการใช้กล่องโฟมบรรจุอาหารที่จะยกเลิกใช้ในต้นปี 2565 4) Forward PE (อิง EPS ปี 2564/65 ปิดงบเดือน มี.ค. ) เท่ากับ 20 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 22 เท่า ขณะที่คาดกำไรปี 2564/65 แตะ 1.5 พันล้านบาท (ทำลายสถิติสูงสุดในอดีตที่ 1.4 พันล้านบาท / ปี)
- LEO (เป้าพื้นฐาน 15.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.7 บาท / แนวต้าน 12.4 – 12.6 บาท (Stop loss 11.6 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q64 ยังทรงตัวสูงต่อเนื่องจาก 3Q64 จาก i) มีรายได้เลื่อนการรับรู้ทางบัญชีจาก 3Q64 ii) ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ Shanghai Containerized Freight index ล่าสุดยั่งยืนสูงมากกว่า 4,600 จุด ทรงตัว QTD แม้เป็น Low Season ของการขนส่งระหว่างประเทศ และคาดการขนส่งจะเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในเดือน ม.ค. 65 ก่อนเทศกาลตรุษจีน … นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร RCL ด้วยประเด็นนี้ แนวรับ 40 บาท / แนวต้าน 42-44 บาท (Stop loss 39 บาท) 3) Catalyst บวกสำหรับ LEO ในเดือน ธ.ค. ที่จะเป็น Upside ต่อประมาณการ ได้แก่ 1) การปิดดีล M&A 1 แห่ง และ ii) การสรุปดีลบริหารจัดการการขนส่งสินค้ารถไฟจีนลาวของพันธมิตร China post (โดย China post ได้สิทธิบริหารจัดการฯ ราว 1/5 ของปริมาณขนส่งรถไฟจีน-ลาว)
หุ้นมีข่าว
- (+) SCB-KTB ก้าวข้ามสู่โลกเทคโนโลยีทางการเงินยุคใหม่อย่างเต็มตัว (ข่าวหุ้น)SCB-KTB ก้าวข้ามสู่โลกเทคโนโลยีทางการเงินยุคใหม่อย่างเต็มตัว อาทิตย์ใช้กลยุทธ์ยานแม่ SCBX ส่งบริษัทลูกรุกเทคโนโลยีดิจิทัล, บล็อกเชน, สินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยีควอนตัม วางเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำระดับภูมิภาค ขณะที่ธุรกิจแบงก์ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างใหม่ ด้านผยง บิ๊กบอสกรุงไทยมั่นใจฟินเทคช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและพลิกโฉมการเงินไทย เพิ่มความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
- (+) BTS-JMART ชูอีโคซิสเต็มก้าวสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์ม (ข่าวหุ้น) BTS ผนึก JMART หนุน Ecosystem เพื่อก้าวสู่ คอมเมิร์ซ-ไฟแนนเชียล แพลตฟอร์ม เต็มสูบ ด้าน BTS รุกขยายธุรกิจดิจิทัลเตรียมนำ JFin Coin เข้าใช้ในระบบนิเวศธุรกิจในเครือ ทั้งจ่ายค่าโดยสาร ค่าใช้จ่ายโฆษณา และการขนส่งสินค้า เริ่มไตรมาส 1/65
- (+) RS-ORI บุกโทเคนดิจิทัล เชื่อมโยงธุรกิจทุกมิติ (ข่าวหุ้น) RS-ORI เดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เตรียมบุกสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มสูบ RS ลุยคลอด Popcoin เชื่อมโยงอีโคซิสเต็มสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจทุกมิติ ยกระดับการเติบโตปี 65-66 เล็งออก NFT ในอนาคต ฟาก ORI เตรียมออก PCOIN ช่วงม.ค. ปีหน้าพร้อมซุ่มศึกษาตั้งโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนในอสังหาฯ (Real Estate-Backed Token) นอกจากนี้ขยายพอร์ตธุรกิจใหม่วางเป้าสร้างกำไร 3,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี
- (+) GUNKUL ปักธงรายได้ปีหน้าโต 20% จ่อได้งาน EPC อีก 500 ล้าน-ไลเซนส์ปลูกกัญชงเร็วๆ นี้ (ข่าวหุ้น) กันกุลมั่นใจรายได้ปี 65 โตไม่ต่ำกว่า 20% ล่าสุดคว้างาน EPC กว่า 840 ล้านบาท จ่อลงนามอีก 500 ล้านบาท ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. นี้ ดันแบ็กล็อกพุ่งจากปัจจุบัน 7.5-8 พันล้านบาท พร้อมคาดได้รับใบอนุญาตปลูกกัญชงภายในไตรมาส 4 นี้
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- VGI* (เป้าพื้นฐาน 8.25 บาท) แนวรับ 6.8 บาท / แนวต้าน 7.0-7.2 บาท (Stop loss 6.8 บาท)
- GFPT (เป้าพื้นฐาน 12.8 บาท) แนวรับ 120 บาท / แนวต้าน 124-12.6 บาท (Stop loss 12.0.. บาท)
- AMA (เป้าพื้นฐาน 7.4 บาท) แนวรับ 5.05 บาท / แนวต้าน 5.20 – 5.35 บาท (Stop loss 5.05 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- BGRIM* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 62.25 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นกลาง โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนิน 4Q21 จะลดลง QoQ เนื่องจากต้นทุนก๊าซเฉลี่ยใน 4Q21 ที่คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นที่ระดับ 330 บาท/mmBTU (+25% QoQ) ขณะที่คาดผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตขึ้น YoY จากกำลังการผลิตใหม่ของโรงไฟฟ้าก๊าซและโรงไฟฟ้าโซลาร์ E-COGEN reNIKOLA และมติจากกกพ. ที่อนุมัติให้ปรับค่า Ft ในรอบ ม.ค. เม.ย. 2565 ซึ่งชดเชยผลกระทบจากต้นทุนก๊าซเฉลี่ยในปี 2022 ที่จะยังคงสูงอยู่ในครึ่งปีแรก
- RATCH* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 57 บาท + คาด div yield สูง 5.6% … จากการประชุมนักวิเคราะห์มุมมองเป็นกลาง โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนิน 4Q21 จะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากโรงไฟฟ้าหงสากลับมาเปิดดำเนินการเต็มที่ หลังจากที่มีปิดซ่อมบำรุง Unit 1 และ 3 เมื่อไตรมาสที่แล้ว ขณะที่คาดผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตขึ้น YoY จากกำลังการผลิตใหม่ 296Mwe ของโรงไฟฟ้าก๊าซ Riau กำลังการผลิตใหม่ 931Mwe จากโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซีย และการซื้อหุ้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Asahan-1 เพิ่มจาก 26.61% เป็น 47.89% (86.2MWe) คงคำแนะนำ “ชื่อ”
