สรุปภาวะตลาด
วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีรีบาวด์ในช่วงเช้า โดยปรับตัวข้ึนถึง 20 จุด แต่มีแรงขายออกมาส่งผลให้ในช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวลง ราว -20 จุด เป็นการปรับตัวลงจากความกังวลโควิด-19 สายพันธุ์ โอไมครอนในหลายประเทศ รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลงในการป้องกันโควิด-19 โอไมครอน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามทิศทางของ DJ Futures ประกอบกับมีการปรับตัวดัชนี MSCI ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,568.69 จุด -21.00 จุด -1.32% มูลค่าการซื้อขาย 159,491 ลบ. ต่างชาติ -3,535.33 ลบ. TFEX -4,415 สัญญา ตราสาร หน้ี +2,222.58 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย. 50.1 เพิ่มข้ึนจาก 49.2 ในเดือนต.ค. และดีกว่าคาดการณ์ท่ี 49.6
+ จีนเตรียมส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ ประเทศต่างๆ ท่ัวแอฟริกาอีก 1 พันล้านโดส
+ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรคเดโมแครตแสดงความหวังว่าวุฒิสภาจะอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐในไม่ช้า
+ เมอร์คเปิดเผยว่ายาโมลนูพิราเวียร์ท่ีบริษัทพัฒนามีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เช่น เดลตา ส่วนทีมที่ปรึกษา FDA อนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นกรณีฉุกเฉิน และก่อนส่งต่อให้ FDA พิจารณาอนุมัติ
+ อินเดียเปิดเผย GDP ขยายตัว 8.4% ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ของปีงบประมาณของอินเดีย
+ครม.มีมติเห็นชอบการตรวจลงตราวีซ่าเพื่อการรักษาพยาบาล (Medical treatment visa) ระยะเวลา 1 ปีให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทยระยะยาว
+มติครม.ส่ังตรวจ RT-PCR ต่างชาติเข้าไทย สกัดเชื้อกลายพันธ์โอไมครอน
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 4,886 ราย มีผู้เสียชีวิต 43 ราย รักษาหาย 6,326 ราย
ปัจจัยลบ
– ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 652.22 จุด -1.86% หลังประธาน FED ส่งสัญญาณยุติโครงการ QE เร็วกว่าคาด และการที่ผู้บริหารของโมเดอร์นาเตือนว่าวัคซีนท่ีมีในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอน
– ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 3.77 ดอลลาร์ -5.4% ปิดที่ 66.18 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากผู้บริหารของบริษัทโมเดอร์นาเตือนว่าวัคซีนที่มีอยู่จะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ทำให้ นลท.กังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
– ประธาน FED กังวลว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ท่ีพุ่งข้ึน และการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอน จะส่งผลให้การจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเสี่ยงเผชิญภาวะขาลง และเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐ
– เกาหลีใต้เปิดเผยว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงในเดือนต.ค.มากที่สุดในรอบ 18 เดือน และสัญญาณล่าสุดบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลง
– ฟิทช์ เรทติ้งส์ และมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เปิดเผยว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอนอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงต่อตามทิศทางตลาดโลก หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณยุติโครงการ QE เร็วกว่าที่คาดไว้ ประกอบกับกังวลสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังมีความไม่แน่นอน และราคาน้ำมันดิบ WTI กดดันตลาด มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,550-1,580 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 STGT STA BCH EKH SMD WINMED TM PHOL
- หุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 : หุ้นเข้า BANPU KEX TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า BLA BPP EPG RCL SIRI STARK TTA หุ้นออก AAV ICHI JAS NRF PRM PSL TKN
หุ้นรายงานพิเศษ
SIS (Bloomberg Consensus 44.25 บาท)
- 3Q64 มีกำไรสุทธิ 215 ล้านบาท +40%YoY +9%QoQ โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้กลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนท่ียี่ห้อ Xiaomi เป็นหลัก รวมถึงกลุ่มสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) และโน้ตบุ้ค งวด 9M64 มีกำไรสุทธิ 603 ล้านบาท +60%YoY
- แนวโน้ม 4Q64 มีโอกาสเติบโตดีจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น หนุนยอดขายเติบโต QoQ และดีต่อเนื่องในปี 65 จากความต้องการใช้สินค้าไอทีที่เติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับความต้องการลงทุนด้าน data center และอุตสาหกรรม cybersecurities รองรับเทคโนโลยี 5G และบริการ cloud service
- ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของผลการดำเนินงานในอนาคต Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 64 เฉลี่ย 751.50 ล้านบาท +26%YoY ส่วนคาดการณ์กำไรปี 65 เฉลี่ย 867.50 ล้านบาท +15%YoY ราคาหุ้นล่าสุดแม้เพิ่มขึ้น 134%YTD แต่ยังซื้อขายที่ P/E ระดับ 18.6x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 32.4x ยังเข้าสะสมได้
(+) BCH (Bloomberg Consensus 26.00 บาท) ชู PCR ตรวจ “โอไมครอน” ได้ หวั่นติดเชื้อง่ายทำระบาด แต่ไม่รุนแรงเท่าเดลตา เตรียมพร้อมรับมือ แย้มผลงานไตรมาส 4 โตแรงจากปีก่อน เร่งฉีดวัคซีนโมเดอร์นา ปีหน้าผลงานเติบโต 104% ลุยธุรกิจใหม่ ให้บริการห้องปฏิบัติการ, การนำเข้ายา- เครื่องมือแพทย์ และการขายน้ำวิตามิน สร้างรายได้เพิ่ม (ท่ีมา ทันหุ้น)
(+) LEO (Bloomberg Consensus 15.50 บาท) “ลีโอ” ส่งซิกผลงานไตรมาส 4/64 นิวไฮต่อเนื่อง รับอานิสงส์ปริมาณการขนส่งและค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์พุ่ง มั่นใจรายได้ปีนี้ตามนัดโต 3,000 ล้านบาท เล็งปิดดีล M&A สิ้นปีนี้ 1 ราย หวังสร้างรายได้ปีหน้าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปีหน้ารายได้โต 20-25% (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) TPS (Bloomberg Consensus – บาท) ส่งบริษัทย่อย “เดอะวิน เทเลคอม” คว้างานใหญ่ในโครงการ Saphan Project (Underground Fiber Cable) มูลค่ารวมกว่า 557.89 ล้านบาท หนุนแบ็กล็อกพุ่งแตะ 1,260 ล้านบาท พร้อมส่งสัญญาณไตรมาส 4/64 แนวโน้มสดใส เดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ ท้ังภาครัฐและเอกชน (ท่ีมา ข่าวหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
2 ธ.ค.ประชุมกนง.ครั้งท่ี 8/2564
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
- 1 ธ.ค. จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน พ.ย.จากไฉซิน
อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต
สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย. จาก ADP ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต ดัชนีภาคการผลิตเดือน พ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์
- 2 ธ.ค.อียูรายงานอัตราว่างงานเดือนต.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.
สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- 3 ธ.ค. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.
สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต