บล.โกลเบล็ก:
INOUE RUBBER (THAILAND) PLC. (IRC) กำไร 4Q64 ต่ำสุดในรอบปีจากต้นทุนกดดัน พร้อมปรับลดประมาณการปี 65
- รายงานกําไร 4Q64 หดตัว 49% QoQ และหดตัว 64% YoY จากต้นทุนปรับตัวขึ้น
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยปรับเพิ่มยอดการผลิตรถยนต์จาก 1.57 ล้านคัน 1.65 ล้านคัน
- ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 65 ลง 21% จาก 385 ลบ. 306 ลบ. จากการปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น
- ปรับคําแนะนําลงเหลือ “ถือ” พร้อมปรับลดราคาเหมาะสมเหลือ 18.40 บาท
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
- รายงานกำไร 4Q64 ที่ 29 ลบ. หดตัว 49% QoQ และหดตัว 64% YoY จากต้นทุนที่ปรับตัวขึ้น: รายงานกำไร 4Q64 (ก.ค.-ก.ย. 64) ที่ 29 ลบ. ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้เนื่องจากรายได้ลดลงสู่ 1.27 พันลบ. หดตัว 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 13% YoY เนื่องจากยอดการผลิตรถยนต์ปรับตัวลง 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 3% YoY สู่ 367,345 คัน ขณะที่ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์หดตัว 44% QoQ และหดตัว 37% YoY สู่ 274,181 คัน เนื่องจากโรงงานโตโยตาและฮอนด้าหยุดการผลิตเป็นเวลา 16 วัน และ 3 วัน ตามลำดับ ในช่วง ก.ค.-ส.ค. 64 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 11.7% ใน 3Q64 สู่ 8.5% ใน 4Q64 เนื่องจากใช้กำลังการผลิตลดลงและต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ Synthetic Rubber และ Nylon ปรับตัวขึ้น ด้านอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวลง 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าสู่ 6.5% เนื่องจากรายได้ที่ชะลอตัว แต่หากพิจารณาเป็นตัวเงินอ่อนตัวลงจาก 91 ลบ. 81 ลบ. ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 2564 ที่ 340 ลบ. ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ 8% แต่ยังคงเติบโต 55% YoY
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยปรับเพิ่มยอดการผลิตรถยนต์จาก 1.57 ล้านคัน 1.65 ล้านคัน: ยอดการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์เดือน ม.ค.-ต.ค. 64 อยู่ที่ 1.37 ล้านคัน และ 1.42 ล้านคัน เติบโต 22.9% และ 11.2% ตามลำดับ ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ปรับเพิ่มยอดการผลิตรถยนต์จาก 1.57 ล้านคันสู่ 1.65 ล้านคัน (ณ เดือน พ.ย. ) หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในไทยเริ่มคลี่คลาย หลังภาครัฐได้ดำเนินการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากร 57.6% หรือคิดเป็น 40.2 ล้านคนแล้ว อีกทั้งการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64 ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องมีโอกาสฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q64 (ต.ค.-ธ.ค. 64) เป็นปัจจัยหนุนต่ออุปสงค์ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศให้ฟื้นตัว ขณะที่ในปี 65 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัท IRC ศูนย์วิจัยกรุงศรีและธนาคารทหารไทยธนชาตคาดว่ายอดการผลิตรถยนต์จะปรับเพิ่มขึ้นราว 1.73-2.0 ล้านคัน เติบโตอย่างน้อย 10% จากปี 64
- ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 65 ลง 21% จาก 385 ลบ. สู่ 307 ลบ. จากการปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น: ฝ่ายวิจัยคงคาดการณ์รายได้รวมปี 65 ราว 5.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปี 64 เนื่องจากคาดว่ายอดผลิตรถยนต์ปี 65 จะปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 10% จากปี 64 อย่างไรก็ตาม เราปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นลงจาก 14.5% สู่ 13.6% อ่อนตัวลงจากปี 64 เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ค่าขนส่งทางเรือที่ปรับตัวขึ้น และอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เร่งตัวขึ้น เป็นปัจจัยกดดันต่อต้นทุนการผลิต เราคาดว่า 1H65 (ต.ค. 64- มี.ค. 65) อัตรากำไรขั้นต้นของบริษั ยังถูกกดดันจากราคาวัตถุดิบและค่าขนส่งที่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นใน 2H65 (เม.ย. 65- ก.ย. 65) หลังสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ทั่วโลกคลี่คลาย ส่งผลให้ปรับลดประมาณกำไรปี 65 ลง 21% จาก 385 ลบ. สู่ 306 ลบ. หดตัว 10% YoY
- ปรับคําแนะนําลงเหลือ “ถือ” พร้อมปรับลดราคาเหมาะสมเหลือ 18.40 บาท สำหรับปี 65: เราประเมินมูลค่าด้วยวิธี Price to Earnings Ratio (P/E Ratio) โดยอิงค่าเฉลี่ย P/E Ratio ย้อนหลัง 1 ปีที่ 12.0 เท่าพร้อมปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 65 โดยปรับลดคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 65 จาก 1.93 บาทต่อหุ้น เหลือ 1.53 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ลดลงจาก 23.20 บาทต่อหุ้น เหลือ 18.40 บาทต่อหุ้น โดยคาดหวัง Yield ที่ 5.3% ทั้งนี้ IRC มีจุดเด่นจาก 1) D/E ต่ำเพียง 0.3 เท่า 2) มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ (เงินสดราว 1.7 พันลบ.) และ 3) ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ด้วยราคาเหมาะสมที่ประเมินได้ใกล้เคียงราคาปิดล่าสุดเราจึงปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เหลือ “ถือ”