Daily Focus: Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index รีบาวด์ระยะสั้นได้ตามคาด ปิดบวก 22.12 จุด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาที่ร่วงลงเกือบ 5% ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา สะท้อนความกังวลเรื่องโอไมครอนไปมากพอสมควร สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.6 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิอีก 1.7 พันลบ. (และพลิกมา Long Index Futures 1.5 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index ยังมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้นกรอบ 1,575 1,600 จุด และยังมีโอกาสพักตัวลงหลังสหรัฐฯประกาศพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกอย่างเป็นทางการ ขณะที่ยุโรปพบผู้ติดเชื้อหลายประเทศมากขึ้น และมีแนวโน้มอาจเป็นศูนย์กลางระบาดระลอกใหม่ เราประเมินดัชนีมีโอกาสเกิด Panic และปรับตัวลงอีกครั้งหากไทยรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความกังวลแพร่กระจายเป็นวงกว้างและกลับมามีมาตรการคุมเข้มอีกครั้ง ซึ่งหากเกิดการระบาดทั่วโลกจะยิ่งตอกน้ำให้ธนาคารกลางต่างๆโดยเฉพาะ FED ดำเนินนโยบายการเงินยากขึ้น เนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงและลากยาวกดดัน ในด้านกลยุทธ์การลงทุนในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอน ยังคงเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัด ได้แก่ การแพทย์ ส่งออก โลจิสติกส์ เทคโนโลยี และยังแนะนำแบ่งไม้ทยอยสะสมโดยมองแนวหลักที่ 1,550-1,570 จุด และกรณีแย่ที่สุดหากมีการกลับมา Lockdown ประเมินแนวต่ำสุด 1,500-1,520 จุด

กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่กระทบจาก COVID-19 จํากัดหากระบาดระลอกใหม่

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค.: BCH, JWD, MEGA, NSL, SYNEX

หุ้นเด่นวันนี้: JR

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10 บาท
  • แนวโน้มกำไร 4Q21 เป็นต้นไปจะกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากสะดุดชั่วคราวใน 4Q21 จากปัญหาปิดแคมป์ โดยปัจจุบันมี Backlog ตุนอยู่เกือบ 5 พันลบ.
  • ต้นปี 2022 มีแนวโน้มได้งานใหญ่เปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นใต้ดินเฟส 2 ของรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู ซึ่งคาดหนุน Backlog ทะลุ 1 หมื่นลบ. รวมถึงโอกาสเป็นความร่วมมือกับ Partner ในการรุกธุรกิจ Recurring ด้านไฟฟ้าคาดกําไรปี 2021-2022 +167 Y-Y และ +54% Y-Y
  • แนวรับ 6.70 บาท แนวต้าน 7 // 7.30-7.40 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคอีกครั้ง US$ 1,038 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$ 830 ล้านและ US$ 374 ล้าน ตามลำดับ แต่ยังคงไหลออกจากอาเซียนประเทศละ US$ 25-51 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสพลิกมาไหลออก หลังเริ่มเห็นการระบาดมากขึ้นของโอไมครอนในยุโรป รวมถึงพบเคสแรกในสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) AOT การประชุมวานนี้โทนเป็นกลาง ผู้บริหารให้ข้อมูลว่าปัจจุบันร้านค้า 1 ใน 3 ยกเลิกสัญญาทำให้ต้องขยายความช่วยเหลืออกไปถึง มี.ค. 23 ตามที่ประกาศแล้วในช่วงก่อนหน้า ขณะที่การระบาดของโอไมครอนเบื้องต้นคาดไม่กระทบต่อการบินในประเทศ ส่วนตลาดต่างประเทศเดิมไม่ได้มองฟื้นแรงอยู่แล้ว ทำให้โดยรวมยังมี Downside จำกัด สำหรับปี 2022 การฟื้นตัวที่ชัดเจน และพลิกมีกำไรในปี 2023 เป็นต้นไป ส่วนการโอนสนาบินใหม่ทั้งอุดรธานีบุรีรัมย์และกระบี่เข้าครม. เดือน ม.ค. 22 เรายังคงราคาเป้าหมาย 79 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุนระยะยาว”

(+) GLOBAL เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงแรง และ Underperform SET ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยลบจากการเติบโตของกำไร 1H22 ที่จะชะลอจากฐานสูงในปี 2021 ไปหมดแล้ว ขณะที่แนวโน้ม 2H22 จะเร่งตัวขึ้นแข็งแกร่ง ระยะสั้น SSSG ใน 4Q21 คาดเติบโต 12-15% Y-Y ส่วนระยะยาวการเติบโตจะมาจากการขยายสาขาโดยเฉพาะในเมืองรอง รวมถึงแนวโน้ม Margin ที่จะขยายตัว เราปรับกำไรปี 2021-2022 ขึ้นเป็น +55% Y-Y และ +7% Y-Y ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 27.50 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) SYNEX การประชุมวานนี้โทนบวก แนวโน้ม 4Q21 จะเดินหน้าทำ New High จาก High Season หนุนยอดขายและ Margin ที่ขยายตัวดี เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ไม่ถูกกระทบหากเกิดการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่  บริษัทตั้งเป้าเป็นผู้นำด้าน IT Ecosystem ทําให้ธุรกิจในอนาคตจะครบวงจรมากขึ้นทั้งต้นถึงปลายน้ำ รวมถึงเน้นเพิ่มสินค้า Owned Brand หนุน Margin ได้ระยะการเติบโตยังแข็งแกร่งจากเทรนด์ Digital และ Metaverse คงราคาเป้าหมาย 34 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 461.68 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 34,022.04 จุด หลังมีข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐ กดดันหุ้นกลุ่มสายการบิน, กลุ่มเรือสำราญ และกลุ่มโรงแรม

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกฟื้นตัวหลังปรับลงแรงช่วงก่อนหน้าจากความกังวล COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน รวมถึงรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 58.4 ในเดือน พ.ย. จาก 58.3 ในเดือนต. ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

(-) ตลาดเอเชีย ปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์และความกังวล COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 61 เซนต์หรือ 0.9% ปิดที่ 65.57 ดอลลาร์/บาร์เรล จากรายงานว่าสหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในประเทศอาจกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์หรือ 0.44% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 990.82 / -2.03

- Advertisement -