ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ปรับขึ้น แต่อัพไซด์จำกัด ก่อนหยุดยาว
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ปรับขึ้น แต่อัพไซด์ยังจำกัด และยังมีโอกาสผันผวนก่อนหยุดยาว 3 วัน… ขณะที่เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยซื้อขายในกรอบที่กว้างพอควร ก่อนปิดบวกเล็กน้อย ภาพใหญ่ไซด์เวย์ตามที่คาด … สำหรับปัจจัยตลาดหุ้นวันนี้เป็นบวก i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯรีบาวด์แรงและไม่ได้ให้น้ำหนักกับรายงานการพบสายพันธุ์ Omicron เพิ่มอีกหลายรายรวมทั้งในนิวยอร์ก ขณะที่ปธน. โจ ไบเดนยังคงแถลงยืนยันว่าสหรัฐฯจะไม่ล็อกดาวน์ แม้ว่าอาจมีการปรับมาตรการอื่นๆ ให้เข้มขึ้นบ้าง ii) ตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานของสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ 2.22 แสนราย ต่ำกว่าที่ consensus คาดที่ 2.40 แสนราย iii) ตลาดน้ำมันดิบโชว์ความแข็งแกร่งเช่นกัน โดยปรับขึ้นเล็กน้อยแม้ว่าที่ประชุม OPEC+ มีมติคงแนวทางเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลในเดือน ม.ค. 2565 แต่เปิดช่องพร้อมปรับนโยบายทุกเมื่อหากสถานการณ์ตลาดน้ำมันแย่ลงอีก … ทั้งนี้ด้วยภาวะตลาดการเงินที่เริ่มนิ่งหลังผันผวนจาก Omicron ในระยะแรก สัญญา CME Fed Fund Futures ล่าสุดให้น้ำหนัก ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน พ.ค. 2565 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของ KGI ปรับมุมมองเช่นกัน คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2565 และจะขึ้นดอกเบี้ยรวม 2 ครั้งในปี 2565 (อ่านเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์เศรษฐกิจ เช้าวันนี้) …ทั้งนี้ SET Index น่าจะยังขึ้นไม่แรงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งน่าจะไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ Omicron ในช่วงตลาดหุ้นไทยปิดทำการ 3 วัน ด้านปัจจัยภายในประเทศอื่นๆ นั้น เช้านี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ 4,912 ราย เสียชีวิต 33 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 5,844 ราย
หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร GFPT, OTO, LEO
- GFPT (เป้าพื้นฐาน 12.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.7 บาท / แนวต้าน 12.1-12.5 บาท (Stop loss 11.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และคาดจะฟื้นตัวใน 4Q64 ตามแนวโน้มราคาเนื้อไก่ (หน้าฟาร์ม) ที่ปรับขึ้นแรงจากจุดต่ำสุด 28.5 บาท/กก.ในเดือน ส.ค. มาสู่ระดับ 37.5 บาท/กก. ในทางกลับกันคาดราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ (ถั่วเหลือง-ข้าวโพด) ที่ปรับลงมาต่อเนื่องในช่วง 3Q64 จะเริ่มสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบในไตรมาสนี้ และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นบวกต่อการส่งออกเนื้อไก่ 3) Forward PE ปี 2565 คาดจะลดลงเหลือ 13.9 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 16.8 เท่า) โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรปี 2565 พลิกกลับมาที่ระดับ 1 พันล้านบาท
- OTO (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) ประเมินแนวรับ 12.0 บาท / แนวต้าน 12.6 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 13.0-13.5 บาท (Stop loss 11.2 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) การ Re-opening ธุรกิจท่องเที่ยวที่คาดกลุ่มลูกค้าสายการบินจะกลับมาใช้บริการ Call center ในปีหน้า ii) ธุรกิจใหม่เตรียมเข้าลงทุนในบริษัท “บล็อกเชนไพรม์โฮลดิ้ง” ในสัดส่วน 20% ซึ่งเป็นธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์ม Blockchain Solutions ในโครงการ “Social Bureau (แพลตฟอร์มรายงานและตรวจสอบประวัติอาชญากรรมบนบล็อกเชน) 3) คาดมีโอกาสเข้าลงทุนในธุรกิจด้านดิจิตัลอื่นๆ อีก โดยจะมีเงินสดจากการเพิ่มทุนราว 280 ล้านบาท ขณะที่ DE ratio ณ 3Q64 เพียง 0.25 เท่า (ยังไม่รวมเงินจากการเพิ่มทุน)
- LEO (เป้าพื้นฐาน 15.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 12.0 บาท / แนวต้าน 12.4-12.6 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนีไปได้ประเมินมีโอกสทดสอบแนวต้านถัดไป 13.3 บาท (Stop loss 11.7 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q64 ยังทรงตัวสูงต่อเนื่องจาก 3Q64 จาก i) มีรายได้เลื่อนการรับรู้ทางบัญชีจาก 3Q64 ii) ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ Shanghai Containerized Freight index ล่าสุดยังยืนสูงมากกว่า 4,600 จุดทรงตัว QTD แม้เป็น Low Season 3) Catalyst บวกสำหรับ LEO ในเดือน ธ.ค. ที่จะเป็น Upside ต่อประมาณการฯ ได้แก่ i) การปิดดีล M&A 1 แห่ง และ ii) การสรุปลบริหารจัดการการขนส่งสินค้ารถไฟจีนลาวของพันธมิตร China post (โดย China post ได้สิทธิบริหารจัดการฯ ราว 1/5 ของปริมาณขนส่งรถไฟจีน-ลาว)
หุ้นมีข่าว
(0) MAKRO ราคาพีโอ 43.50 บ. เปิดรายย่อยจองซื้อ 4-9 ธ.ค. (ข่าวหุ้น) MAKRO สิ้นสุดการรอคอย! ทุบโต๊ะราคาพี่โอ 43.50 บาท กำหนดเปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิม-รายย่อยทั่วไปจองซื้อจำนวน 1,300 ล้านหุ้น วันที่ 4-9 ธ.ค. นี้ หลังเสนอขายหุ้น PO แล้วเสร็จ สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยขยับเกินกว่า 15% ตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าสุดนักลงทุนสถาบันชั้นนำ 14 รายร่วมลงนามสัญญาเข้าลงทุนแล้ว 423 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท
(+ กลุ่มสื่อสาร ADVANC*, TRUE*, DTAC* / กลุ่มงานรับเหมาวางระบบ ILINK, SAMTEL, SIMAT, AIT) ‘5’ พลิกโฉมอุตสาหกรรมเงินสะพัด 5 แสนล้าน ปี 65-รัฐเร่งยุทธศาสตร์ปูพรม “ดิจิทัลอินฟราฯ (กรุงเทพธุรกิจ) “ดีอีเอส” มั่นใจ 5 จีดันมูลค่าจีดีพีไทยเพิ่ม 5.5 เท่าในปี 78 รัฐบาลเร่งเดินเครื่องยุทธศาสตร์ 5 จีเคลื่อนประเทศ “ประวิตร” ลั่น 5 จีดันมูลค่าจีดีพีไทยเพิ่ม 5.5 เท่าภายในปี 78 “ชัยวุฒิ” มั่นใจปี 70 ความต้องการใช้งาน 5 จีสูง คาดคนไทยใช้ 5 จีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านราย จ้างงานใหม่ด้านดิจิทัลกว่า 1.3 แสนตำแหน่ง “กสทช.” ชี้ 5 จีสร้างเม็ดเงินให้เศรษฐกิจไทย 4.8 แสนล้าน ปี 65 ขยายจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 3.6 แสนล้าน พร้อมเร่งวางกลยุทธ์กำกับดูแลเชิงรุกทุกมิติ
(+) TRUE* น่านน้ำใหญ่ดิจิทัล โมเดลบุกทุกเมกะเทรนด์ (ทันหุ้น) TRUE* เปิดโมเดลสู่น่านน้ำใหญ่โลกดิจิทัล ประกาศบุกทุกเมกะเทรนด์ดิจิทัล เหรียญดิจิทัล METAVERSE ระบบทีวี การแพทย์ ขนส่ง การเกษตร พร้อมเป็น บริษัทเทคนำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ เดินหน้าโมเดลสตาร์ทอัพตัวใหญ่ พร้อมเป็นแพลตฟอร์มชูโอกาสมหาศาล กินตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ
(+) เซ็นทรัลรีเทลฯ ทุ่ม 4.5 พันล้าน (ไทยรัฐ) ถือหุ้นแกร็บแท็กซี่ผงาด Digital Retail เซ็นทรัลรีเทลฯ (CRC*) ทุ่ม 4,500 ล้านบาทซื้อคืนหุ้น Porto WW 67% ซึ่งถือหุ้นในแกร็บแท็กซี่โฮลดิ้งประเทศไทย 40% ต่อยอดธุรกิจผลักดันองค์กร Digital Retail ด้านแกร็บประเทศไทยยัน CRC* ไม่ได้เทกโอเวอร์แกร็บ แต่เครือเซ็นทรัลถือหุ้น 40% ในแกร็บแท็กซี่โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) มาตั้งแต่ปี 62 แล้ว
(+) OCEAN เซ็นเอ็มโอยูลุยธุรกิจกัญชง-กัญชาจับตลาดคนรักสุขภาพ (ข่าวหุ้น) OCEAN ส่งบริษัทย่อย KTDM เซ็นเอ็มโอยูกับ “เวิลด์เมดดิคัลทัวริซึมฯ JP” ศึกษาวิจัยกัญชาพร้อมเดินหน้าผลิตยา-อาหารเสริม-เครื่องสําอางจับตลาดคนรักสุขภาพ-ความงาม
(+) XPG ผนึกพันธมิตรรุกสินทรัพย์ดิจิทัลเขย่าวงการค้าปลีก (ทันหุ้น) XPG จับมือสยามพิวรรธน์ พัฒนาอีโคซิสเต็ม เขย่าวงการค้าปลีก-สินทรัพย์ดิจิทัล เดินหน้าเชื่อมต่อแพลตฟอร์มระดับโลกเสริมฐานลูกค้า คาดเริ่มดำเนินการภายในไตรมาส 1/2565
(0) OPEC+ ยังคงเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันดิบเดือนมกราคม (CNBC) ความคิดเห็น: ในวันที่ 2 ธันวาคม OPEC+ ตกลงที่จะยึดติดกับนโยบายที่มีในการเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ 400KBD ในเดือนมกราคม แต่อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มจะติดตามสภาพตลาดและสามารถทำการปรับเปลี่ยนนโยบายได้ทันทีหากจำเป็น ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ตอบสนองทันทีลดลง US$ 3 /bbl มาอยู่ที่ประมาณ US$ 64 /bbl หลังจากตลาดรับรู้ข่าวนี้ แต่ราคาน้ำมันดิบได้ฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ US$ 67 /bbl ในเช้านี้ ในขณะเดียวกันเรามีมุมมองเชิงลบต่อการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ ในเดือนมกราคม แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงสมมติฐานของราคาน้ำมันดิบดูไบไว้ที่ US$ 70 /bbl ในปี 2565
(+) PTT ขายสัดส่วนการถือหุ้น 25% ทั้งหมดใน East Mediterranean Gas S.A.e (EMG) ด้วยมูลค่าประมาณ US$ 50mn (SET) ความคิดเห็น: EMG เป็นเจ้าของท่อขนส่งก๊าซใต้ทะเลที่วิ่งระหว่างอียิปต์และอิสราเอล ซึ่งการทำธุรกรรมนี้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ววันที่ 2 ธันวาคม ทำให้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้พิเศษประมาณ 1.4 พันล้านบาท (ก่อนหักภาษี) ใน 4Q64 หลังจากที่ PTT ได้ตั้งขาดทุนจากการด้อยค่าของการถือหุ้น 25% ใน EMG ไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเราจึงมองเป็นบวกสำหรับการทำธุรกรรมครั้งนี้ และเรายังคงคำแนะนำซื้อ PTT ด้วยราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงที่ 55.00 บาท
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) แนวรับ 21.4 บาท / แนวต้าน 220 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้แนะนํา “Let profit run” (Stop loss 21.2 บาท)
- EPG* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) แนวรับ 11 บาท / แนวต้าน 11.6-12.0 บาท (Stop loss 11 บาท)
- OCEAN (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนวรับ 1.65 บาท / แนวต้าน 1.73-1.8 บาท (Stop loss 1.60 บาท)
- SMD (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) แนวรับ 14.5 บาท / แนวต้าน 15.0-15.3 บาท (Stop loss 14.0 บาท)
- KBANK* (เป้าพื้นฐาน 173 บาท) แนวรับ 132 บาท / แนวต้าน 135-138 บาท (Stop loss 130 บาท)
หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรอื IAA Consensus