บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
TPI Polene Power PCL (TPIPP) 4Q64 จะไม่เด่น รอโครงการสําคัญ
Company Update
ประเด็นการลงทุน
แนวโน้มกำไร 4Q64 จะไม่เด่นต่อจากต้นทุนถ่านหินสูงปี 2565 ขาย RDF และค่ากำจัดขยะติดเชื้อเข้ามาเสริม ช่วยบรรเทา adder ทยอยหมดอายุบางส่วน ลงทุน RDF เพิ่มปี 2568 ตั้งเป้าหมายจะเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว 100% จะเข้าประมูลโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มปี 2568 ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 582MW จากปัจจุบัน 40MW โครงการ SEZ มีความล่าช้า แต่ก็ค่อยๆคืบหน้า ระยะสั้นราคาหุ้นมีแนวโน้มจะไม่สดใส เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยหนุนที่เด่นชัด แต่จากราคาหุ้นซื้อขาย P/E ต่ำและปันผลดี เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน ราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF (8.4% WACC, 2.3% LTG) ได้เท่ากับ 4.6 บาท ลดลงจาก 4.7 บาท จากประมาณการที่ปรับลดลง
4Q64 จะไม่เด่นต่อ ปรับประมาณการลดลง
แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 จะถูกกระทบต่อเนื่องจากต้นทุนถ่านหินสูงล็อตใหม่ที่สูงขึ้น ทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหิน TG8 150MW เลือกขายไฟเฉพาะช่วง Peak ซึ่งได้ราคาสูงกว่าช่วง Off-Peak 2 บาท แต่จะได้แรงหนุนจากขาย RDF ให้ TPIPL และนำ RDF มาใช้แทนถ่านหินประมาณ 10-15% ส่วนโรงไฟฟ้าที่ขายไฟให้กฟผ., TG3 18MW, TG5 55MW และ TG4+6 90MW ยังเดินเต็มกำลังการผลิต รวมแล้วเบื้องต้นเราคาดกำไร 4Q64 จะไม่เด่นต่อประมาณ 1,000 ล้านบาท (+6% QoQ, -14% YoY) เราปรับประมาณการลงเล็กน้อย 5% คาดกำไรปีนี้ 4,192 ล้านบาท ลดลง 7%
ปี 2565 ขาย RDF และค่ากำจัดขยะติดเชื้อช่วยบรรเทา adder ทยอยหมดอายุ
ปี 2565 โรงไฟฟ้าที่ได้ adder 3.50 บาท จะทยอยหมดอายุ คือ TG3 18MW (จาก 163MW) เดือน ก.พ. และ TG5 55MW เดือน ก.ย. แต่ยังขายไฟได้ต่อที่ราคาฐาน คาด EBITDA จะหายไปประมาณ 800-900 ล้านบาท แต่จะได้รายได้เข้ามาช่วยบรรเทาผลกระทบ คือ ขาย RDF ให้ TPIPL 650 ล้านบาทต่อปี และ TPIPP ยังได้ใบอนุญาติในการเผาขยะติดเชื้อจากกรมโรงาน เริ่มรับรู้ 18 ต.ค. 64 คาดจะมีขยะติดเชื้อเข้ามาป้อนวันละประมาณ 100 ตัน ซึ่งรองรับได้ถึง 350 ตัน ค่าเผาขยะตันละ 5,000 บาท จะช่วยเพิ่มรายได้ 180-630 ล้านบาทต่อปี ปี 2565 เราคาดกําไร 3,571 ล้านบาท ลดลง 15%
ปี 2568 ตั้งเป้าหมายจะเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว 100%
ปี 2568 TPIPP ตั้งเป้าหมายจะเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว 100% จากปัจจุบันที่มีโรงไฟฟ้าถ่านหิน 220 MW (TG7 70MW และ TG8 150MW) จากกำลังการผลิตรวม 440MW คิดเป็นสัดส่วน 50% โดยมีแผนจะลงทุนโรงงาน RDF ที่ 3 เพิ่ม 5 สายการผลิต 1,000 ล้านบาท ลงทุน Boiler B8 2,500 ล้านบาท และ B6 800 ล้านบาท ที่จะใช้ RDF ทดแทนถ่านหิน รวมลงทุนทั้งหมด 4,300 ล้านบาท โดยปี 2566 โรงไฟฟ้าถ่านหินจะลดลงเหลือ 150MW จากกำลังการผลิตรวม 464 MW หรือคิดเป็นสัดส่วน 32% และปี 2568 โรงไฟฟ้าถ่านหินจะลดลงเหลือศูนย์จากกำลังการผลิตรวม 582MW