บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

SERMSANG POWER ได้แรงหนุนจากการเปลี่ยนผ่านพลังงานในระยะยาว

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +29.1%

Close Dec 07, 2021 Price (THB) 12.70

12M Target (THB) 16.40

Previous Target (THB) 18.00

What’s new?

  • ปรับประมาณการปี 2564-65 ลงเป็น 796 ล้านบาท และ 1,047 ล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับค่า CF ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยและญี่ปุ่นลงเป็น 20% และ 17% ตามลำดับ
  • SSP จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ บริษัทฯ มีการเข้าลงทุน เช่น ไทยและเวียดนาม คาดส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีรายได้จากการขาย Carbon Credit ในอนาคต

Our View

  • จากการปรับประมาณการและสมมติฐาน Risk Free Rate เป็น 2.0% ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 16.40 บาท/หุ้น Upside 29.1% คงคำแนะนำ“ ซื้อ”
  • ราคาเหมาะสมมี Upside จาก 1) การเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เข้าลงทุนในช่วง ก.ค. 64 2) การเติบโตของธุรกิจ Solar Rooftop และ 3) การทำ M&A ซึ่งคาดจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 1Q65 รวมถึง บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ

ปรับประมาณการปี 2564-65 ลง

เราปรับประมาณการปี 2564-65 ลงราว 13% และ 10% ตามลำดับ เพื่อให้ประมาณการของเราสอดคล้องกับผลการดำเนินงานในช่วง 9M64 ของบริษัท ฯ มากขึ้น โดยเราปรับค่า Capacity Factor (CF) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยลงเป็น 20% จากเดิม 22% และปรับค่า CF ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นลงเป็น 17% จากเดิม 18% ส่งผลให้คาดกำไรปกติปี 2564-65 ที่ 796 ล้านบาท (+19% YoY) และ 1,047 ล้าน (+32% YoY) ตามลำดับ

การเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดจะหนุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

หลังการประชุม COP26 เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ประเทศต่างๆเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเป้าหมายในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำมากขึ้น โดยประเทศต่างๆมีการประกาศนโยบายเพื่อลดการปลดปล่อนคาร์บอนลง เช่น การเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และการสร้างตลาดซื้อขายคาร์บอน โดยทางการเวียดนามและไทยตั้งเป้าหมายในการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) เป็นศูนย์ภายในปี 2593 และ 2608 ตามลำดับ ซึ่งคาดจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังการประกาศแผนพลังงานแห่งชาติฉบับใหม่ของเวียดนามในช่วงต้นปี 2565 และของไทยในช่วงกลางปี 2565 เบื้องต้นเรามองว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจะได้รับประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากภาครัฐจะมีการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ หากมีการจัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนในไทยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจะมีความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น เนื่องจากภาคการผลิตจะมีความต้องการซื้อ Carbon Credit เพื่อนำไปชดเชยคาร์บอนที่มีการปลดปล่อยออกมา (ในอนาคตอาจเป็น Requirements ของสินค้าส่งออก) คาดจะส่งผลให้ราคา Carbon Credit เริ่มปรับตัวสูงขึ้น และมีผลต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในปริมาณที่สูงขึ้นในอนาคต โดยการที่ SSP มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และชีวมวลทั้งในไทยและเวียดนาม จะส่งผลให้บริษัท ฯ ได้รับประโยชน์จากนโยบายของทั้งสองประเทศอย่างเต็มที่

มี Upside เหลืออีกมาก

จากการปรับประมาณการและสมมติฐาน Risk Free Rate ขึ้นจาก 1.5% เป็น 2.0% ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 16.40 บาท/หุ้น อิง DCF (WACC 3.3%, T.G. 0%) มี Upside +29.1% คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประมาณการและราคาเหมาะอาจมี Upside เพิ่มเติมได้จาก 1) การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 9.9MW ที่เข้าลงทุนในเดือน ก.ค. 64 2) การเติบโตของธุรกิจ Solar Rooftop ที่เรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ และ 3) การทำ M&A โดยคาดจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 1Q65 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (คาดเป็นการลงทุนโดยถือสัดส่วนราว 10-20%) คาดมีความชัดเจนมากขึ้นภายในช่วง 1H65

- Advertisement -