Daily View

ประเมิน SET INDEX มีความเสี่ยงปรับตัวลงในกรอบ 1614 – 1623 ตลาดกลับมากังวลสายพันธุ์โอไมครอนอีกครั้งหลัง UK รายงานพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากสายพันธุ์โอไมครอน แตกต่างจากก่อนหน้าที่ตลาดได้คลายกังวลไปแล้วว่าสายพันธุ์ดังกล่าวมิได้รุนแรง ขณะเดียวกันทางมหาวิทยาลัย Oxford ได้ออกมารายงานว่า Pfizer , Astra 2 เข็มมิสามารถป้องกันโอไมครอนได้ ด้านตลาดหุ้นเมื่อคืนหลังทราบข่าวข้างต้น Dow Jones ปิดลบ 0.9% อัตรา ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 2, 10 ปีปรับตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันดิบปรับลง 1% บ่งชี้ถึงสภาวะที่ตลาดเข้าสู่โหมดปิดรับความเสี่ยงด้านตลาดหุ้นไทยด้วย เศรษฐกิจที่อิงกับการท่องเที่ยวค่อนข้างสูงราว 18% ของ GDP และมีหุ้นขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว (AOT) ย่อมมีโอกาสได้รับผลกระทบสูงกว่าประเทศในภูมิภาค แต่อย่างไรก็ตามยังให้น้ำหนักเป็นเพียงแรงกดดันระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจาก (1) ปัจจุบันทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน 5.9 พันราย แต่พบผู้เสียชีวิตเพียง 1 ราย หรือคิดเป็นเพียง 0.016% (2) คาดหวังนโยบายผ่อนคลายจาก FED กรณีโอไมครอนรุนแรงจนกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง (3) เชื่อว่าจากนี้จะมียารักษา / Vaccine สามารถป้องกันการติดหรืออาการป่วยให้เบาลง โดยยังคงกรณีเลวร้ายสุด SET INDEX ไม่ควรต่ำกว่า 1520 เนื่องจากเป็นการระบาดที่พบการติดเชื้อสูงถึงวันละ 2 หมื่นราย และกิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกกระทบหนักจากการ LockDown

กลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นหลีกเลี่ยงกลุ่มท่องเที่ยว รวมถึงกลุ่มเปิดเมืองที่มีโอกาสได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากข่าวการพบเจอผู้เสียชีวิตจากโอไมครอน แต่คาดว่ากลุ่ม COVID-19 Play อาทิ โรงพยาบาล (BCH CHG) ถุงมือยาง (STA STGT) มีโอกาสถูกกลับมาเก็งกำไรระยะสั้น ส่วนที่แนะนำสะสมก่อนหน้ายังมองว่าถือต่อไปได้

Stock Pick

BCH (ถือ / ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท) ประเมินกำไร 4Q21 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+430YoY) มีแรงหนนุจากรายได้ธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งและจากวัคซีนทางเลือก คาดว่ากำไรปี 2022-23 จะมีแรงหนุนมาจากการกลับมาของจำนวนคนไข้ทั่วไป รวมถึงผู้ประกันตนโครงการประกันสังคมที่มากขึ้นและบริการด้านวัคซีน

CHG (ถือ / ราคาเป้าหมาย 3.9 บาท) Trading ระยะสั้น จากข่าวพบผู้เสียชีวิตจากโอไมครอน อย่างไรก็ตาม ด้านผลประกอบการคาดรายได้ 4Q21 จะลดลง QoQ เพราะมีรายได้บริการเคส COVID-19 ที่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่ม OPD IPD และ สปสช.

- Advertisement -