บล.ทรีนีตี้:

สิงห์ เอสเตท – S ผลประกอบการโรงแรมใน UK ฟื้นตัวโดดเด่นใน 3Q64

  • รายงานขาดทุนสุทธิ 3Q64 ที่ 212 ล้านบาท จากรายได้รวมที่ 2.12 พันล้านบาท
  • ผลประกอบการกลุ่มโรงแรมฟื้นตัวจาก UK ด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ยอดโอนจากโครงการ Santiburi Residences
  • คาดปี 2564 ขาดทุนสุทธิที่ 189 ล้านบาท และคาดว่าจะกลับเป็นกำไรสุทธิในปี 2565 ที่ 46 ล้านบาท จากการฟื้นตัวของกลุ่มโรงแรมและจากการรับรู้กำไรส่วนแบ่งจากโรงไฟฟ้า 2 แห่งใหม่
  • ยังคงแนะนำ “Trading Buy” ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 2.70 บาท

3Q64 Earnings Review

  • S รายงานขาดทุนใน 3Q64 ที่ 212 ล้านบาท จากธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ใกล้เคียงกับขาดทุน 213 ล้านบาทใน 2Q64 แต่ฟื้นตัวดีขึ้นจากขาดทุนสุทธิที่ 262 ล้านบาทใน 3Q63
  • รายได้รวมใน 3Q64 อยู่ที่ 2.12 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 24.2% QoQ และ 20.3% YoY จากยอดโอนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 436 ล้านบาท (20.6% ของรายได้รวม) ปรับตัวลดลง 32.5% QoQ และ 67.5% YoY โดยสัดส่วนหลักมาจากการโอนโครงการ Santiburi Residences ที่ทำการขายหมด 100% แล้วด้าน Gross Margin ใน 3Q64 อยู่ที่ 33.3% ปรับตัวสูงขึ้นจาก 24.2% ใน 2Q64 แต่ยังต่ำกว่า 3Q63 ที่ 35.6% เนื่องจากในงวดดังกล่าวมีสัดส่วนการโอนจากกลุ่มคอนโดฯ สูงกว่า
  • รายได้จากกลุ่มโรงแรมและอาคารสำนักงานอยู่ที่ 1.69 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 59% QoQ และ 303% YoY (79.4% ของรายได้รวม) โดย 3Q64 มีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งจากกลุ่มโรงแรมใน UK ที่มีการเดินทางจากประเทศในยุโรปเพิ่มมากขึ้น และ Maldives ที่กลับมารับนักท่องเที่ยวจาก South Asia ด้านอัตราเช่าของอาคารสำนักงานใน 3Q64 อยู่ที่ 87% จาก 88% ใน 2Q64

อสังหาริมทรัพย์แนวราบโอนได้ดีต่อเนื่อง กลุ่มโรงแรมทยอยเริ่มเข้า High Season

ในงวด 9M64 S มีรายได้รวมอยู่ที่ 5.14 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 5% YoY และมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิที่ 238 ล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 584 ล้านบาทในงวด 9M63 โดยเราปรับคาดการณ์ขาดทุนสุทธิปี 2564 จาก 216 ล้านบาทเป็นขาดทุนสุทธิ 189 ล้านบาท จากการปรับเพิ่มกำไรส่วนแบ่งจากการร่วมทุน โดยคาดว่าปี 2564 จะมีการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่ 40 ล้านบาท และในปี 2565 ที่ 90 ล้านบาท ทั้งนี้คาดกลุ่มท่องเที่ยวจะมีการฟื้นตัวต่อเนื่องไปยัง 4Q64-1Q65 ของทั้งในประเทศไทย UK และ Maldives ด้านการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากการปิดการขายโครงการ Santiburi Residences มูลค่า 5.08 พันล้านบาท โดยที่เป็นยอด Backlog รอโอนปี 2564-2566 ที่ 3.1 พันล้านบาท

ยังคงแนะนำ “Trading Buy” ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 2.70 บาท

ยังคงแนะนำ “Trading Buy” ที่ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 2.70 บาท (จากเดิม 2.45 บาท อิงผลประกอบการปี 2564) ด้วยวิธี SOTP จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 0.55 บาท อิง P/E ที่ระดับเดิมที่ 8X และธุรกิจกลุ่ม Recurring Income ที่ 2.15 บาท อิง EV/EBITDA ที่ระดับเดิมที่ 14X หลังจากที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวใน UK ด้านกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในประเทศคาดว่าในปี 2565 จะมีสัดส่วนหลักมาจากโครงการ Santiburi Residences และการเริ่มขายโครงการแนวราบ 2-3 โครงการใหม่ที่คาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้ที่ 7.6% YoY

- Advertisement -