Daily View

ประเมิน SET INDEX แกว่งในกรอบ 1623 – 1635 ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับเข้าสู่โหมดของการรอผลประชุม FED ที่จะทราบผลคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งรอบนี้ค่อนข้างมีความสำคัญ เนื่องจากเปิดเผยทั้งคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจรวมไปถึงเงินเฟ้อและดอกเบี้ย สำหรับผลประชุมครั้งนี้ตลาดคาดไว้ว่า FED จะดำเนินการลดวงเงิน QE จากแผนเดิม 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 22 ราว 2 ครั้ง หากออกมาเป็นไปตามนี้ ก็เชื่อว่าผลกระทบต่อการลงทุนจะจำกัด แต่หากมีสัญญาณของการผ่อนคลายที่มากกว่าตลาดคาดหมายไว้ ก็เป็นไปได้ที่ตลาดจะปรับตัวขึ้น ขณะที่หากเข้มงวดกว่าตลาดประเมินไว้ก็อาจจะกดดันตลาดหุ้นได้ สำหรับความเห็นเราเชื่อว่าแนวทางดำเนินนโยบายของ FED จะออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดประเมิน มองกลุ่ม Bank (BBL KBANK SCB) ประกัน (BLA) จะเป็นผู้ได้ประโยชน์ในระยะกลางจากวงจรดอกเบี้ยที่สิ้นสุดขาลง แม้ประเทศไทยจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็เชื่อว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หนุนจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านจุดแย่ที่สุด ประกอบกับเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในช่วง 3Q21 ในเชิงของ Valuation กลุ่ม Bank ก็ซื้อขายเพียง 0.7x Trailing PBV นับเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 13 ปี

กลยุทธ์การลงทุน การปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งวานนี้ สะท้อนถึงตลาดที่ยังไม่ได้วิตกกังวลกับโอไมครอนมากนัก แม้จะมีผู้เสียชีวิตรายแรกก็ตาม ดังนั้น แนะทยอยสะสมต่อไปในกลุ่ม Domestic Play อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO ILM) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ร้านอาหาร (M) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ปั๊มน้ำมัน (PTG) สื่อนอกบ้าน (PLANB VGI)

Stock Pick

SCB (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 149 บาท) คาดกำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง 29% YoY ในปี 2021 และฟื้นตัวต่อเนื่อง 15-12% YoY ในปี 2022-23 ผลบวกจากเศรษฐกิจฟื้นตัว เปิดประเทศทำให้การใช้จ่ายของลูกค้าฟื้นตัวขึ้นและความเสี่ยงหนี้เสียลดลง

KBANK (ซื้อ /ราคาเป้าหมาย 174 บาท) คาดกำไรสุทธิจะฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q21 ตามการขยายสินเชื่อกลุ่มธุรกิจและ SME หลังจากคลายล็อกดาวน์ นอกจากนี้ ธนาคารจะได้นับประโยชน์สูงสุดจากการเปิดประเทศอีกครั้งในปี 2022 เนื่องจากมีพอร์ตสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวสูง และจะได้รับประโยชน์จากแพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัลภายใต้ KBTG ในการขยายฐานสินเชื่อรายย่อย

- Advertisement -