TFM ปักธงผลงาน 5 ปีข้างหน้า ทำรายได้แตะ 8,000-10,000 ล้านบาท จากปีนี้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 4,700-4,800 ล้านบาท ผ่าน 3 ปัจจัยหลัก ทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การใช้ Economy of Scale และเพิ่มพอร์ตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เดินหน้าสร้างการเติบโตจากธุรกิจอาหารสัตว์น้ำและตามการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าผลงานปี 65 รายได้โตขึ้นอีก 20%

 

นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 คาดว่าอัตรากำไรจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า หลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/64 ซึ่งเป็นผลมาจากดำเนินงานภายใต้แผนงาน 3 แกนหลัก ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การใช้ Economy of Scale และเพิ่มพอร์ตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ทำให้โดยรวมรายได้โตขึ้นจากปีก่อนหน้า 15% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้ารายได้รวมทั้งปี 2564 ให้อยู่ที่ 4,700-4,800 ล้านบาท

ส่วนแผนงานปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 20% โดยมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ยอดขายอาหารสัตว์สำเร็จรูปในประเทศที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5-10% การเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี จากบริษัท พีที ไทยยูเนี่ยน คาริสม่า เลสทารี จำกัด (TUKL) ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ 2 กลุ่ม ซึ่ง TFM ถือหุ้นในสัดส่วน 65% โดยโรงงานผลิตอาหารกุ้งของ TUKL มีกำลังการผลิตรวม 36,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าในปี 2565 จะใช้กำลังการผลิตประมาณ 10,000-12,000 ตัน และจะเต็มกำลังการผลิตภายในปี 2567 อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ตั้งแต่ปีแรก โดยปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธันวาคมนี้ นอกจากนี้ TUKL ยังวางแผนขยายไปยังธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารปลาในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มเติมอีกด้วย

นอกจากนี้ การรับรู้รายได้เต็มปีจากบริษัท AMG-Thai Union Feedmill (Private) Limited (AMG-TFM) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศปากีสถาน โดยวางเป้าหมายสร้างรายได้ในปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีนี้ โดยบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 15,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปี 2564 ที่มีกำลังการผลิตอาหารปลา 10,000 ตัน นอกจากนี้ ยังจัดสรรงบลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาทในการปรับปรุงและขยายกำลังการผลิตที่โรงงานมหาชัย หลังจากได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีจาก BOI ซึ่งเป็นผลจากการนำ TFM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ใน 5 ปีข้างหน้า (2565-69) เติบโตเท่าตัว ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท ตามการพื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้ความต้องการบริโภคอาหารทะเลเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก สอดรับกับการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์น้ำที่บริษัทมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ที่หลากหลาย เพื่อมุ่งเน้นทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างการเติบโตจากการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นประเทศที่อุตสาหกรรมสัตว์น้ำมีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้เพิ่มเป็น 20-25% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 3%

*****************

- Advertisement -