สรุปภาวะตลาด

วันพุธท่ีผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบประมาณ -5 ถึง -6 จุด นักลงทุนติดตามผลการประชุม FED ในวันท่ี 14-15 ธค. ท่ีจะรายงานในช่วงเช้าวันท่ี 16 ธ.ค. ตามเวลาไทย ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน เป็นการเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดท่ี 1,623.66 จุด -6.98 จุด -0.43% มูลค่าการซื้อขาย 63,107 ลบ. ต่างชาติ -1,148.19 ลบ. TFEX -3,181 สัญญา ตราสารหน้ี +4,242.32 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มข้ึน 383.25 จุด +1.08% หลังท่ี FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นท่ีระดับ 0.00-0.25% และประกาศเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการ QE อีก 2 เท่า เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มม.ค. 2565 ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค.2565 ซึ่งเป็นไปตามท่ีตลาดคาดการณ์ไว้

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มข้ึน 14 เซนต์ +0.2% ปิดที่ 70.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด บ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และ FED ประกาศชัดเจนว่าจะยุติ QE ในเดือนมี.ค.ปีหน้า เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

+ สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 1.2%MoM ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ท่ีระดับ 1.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย.

+ สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเช่ือมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 84 ในเดือนธ.ค.สูงสุดในปีน้ี

+กระทรวงการท่องเท่ียวฯ ประเมินแนวโน้มการท่องเที่ยวกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลเปิดประเทศรับนักท่องเท่ียวต่างชาติ

+ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,684 ราย มีผู้เสียชีวิต 26 ราย รักษาหาย 4,531 ราย

ปัจจัยลบ

– แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐ

– ผลการศึกษาล่าสุดของฮ่องกงเปิดเผยว่าวัคซีนของบริษัทซิโนแวคไม่สามารถสร้างแอนติบอดีได้มากพอที่จะต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนเร่งฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์โดยเร็วที่สุด

-WHO กล่าวว่าประเทศต่างๆไม่ควรมองว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอมิครอนจะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เนื่องจากสายพันธ์ุดังกล่าวสามารถทำให้ผู้ป่วยมีอาการหนักได้

– สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเพิ่มข้ึนเพียง 0.3%MoM ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าท่ีนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากพุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนต.ค.

– สหรัฐจ่อขึ้นแบล็กลิสต์บริษัทจีนอีก 8 แห่ง เหตุละเมิดสิทธิชาวอุยกูร์

– ตลท.เผย ผลเฮียริ่งมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น จ่อเพิ่มดีกรี ‘สกัด ‘ หุ้นร้อน

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันน้ีมีโอกาสปรับตัวข้ึนตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังประกาศว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงินใน โครงการ QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามตลาดคาด ขณะที่นักลงทุนยังกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มองกรอบดัชนีในวันนี้ท่ี 1,615-1,635 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นท่ีมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50: หุ้นเข้า BANPU TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า BLA BPP EPG RCL SIRI STARK TTA หุ้นออก AAV ICHI JAS NRF PRM PSL TKN
  • ส่งออกเดือน ต.ค. ขยายตัว AH SAT NER KCE HANA TWPC JUBILE
  • หุ้น Reopening Play: หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK
  • FTSE Rebalance มีผล 17 ธ.ค.: FTSE All World Index : ไม่มีหุ้นเข้า-ออก ,FTSE All Cap : หุ้นเข้า TIDLOR หุ้น ออก ไม่มี ,FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า AMR ASW DMT GROREIT INETREIT NSL SNNP หุ้นออก ไม่มี

page3image1646607024

หุ้นรายงานพิเศษ

JTS

  • งวด 9M64 มีกำไร 150 ลบ. +435%YoY เติบโตสูงจากธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจให้บริการโครงข่าย โทรคมนาคม (สัดส่วน 84%) และเพิ่งเริ่มรับรู้รายได้ในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ (สัดส่วน 1%) หลังปรับกลยุทธ์ใหม่เข้าสู่ธุรกิจ Crypto Currency ท่ีเป็นโอกาสเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะ Bitcoin ที่เป็นสกุลหลัก บริษัทเพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ในช่วง 3Q64 มีจำนวนเครื่องขุด 110 เครื่อง ความเร็วในการขุดต่อเครื่อง 100 TH/s รายได้ต่อเครื่องราว 0.2046 BTC/Years หรือราว 4.37 แสนบาท/เครื่อง (1 BTC = 2,133,064 THB) ต้นทุนในการขุดราว 2.34 แสนบาท/ปี หรือคิด เป็น %GPM = 46% ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. น้ี จะมีเครื่องขุดเข้ามาเพิ่มอีก 215 และ 200 เครื่อง ตามลำดับ หนุนภาพรวม 4Q64 เติบโตต่อเนื่อง และในปี 65 มีแผนลงทุนเครื่องขุดอีก 1,200 เครื่อง ซึ่งคาดจะเร่ิมมีรายได้ในช่วง 2Q65
  • ความเห็นธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์มีแนวโน้มเติบโตสูง ตามการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อย่างไรก็ดี ธุรกิจดังกล่าวมีความเสี่ยงในแง่ของความผันผวนของราคา BTC และ Supplier ผู้จำหน่ายเครื่องขุดเหรียญซึ่งมีอยู่น้อยราย ผู้เล่นรายใหม่สามารถเข้าตลาดได้ง่าย การสวนกระแส ESG เนื่องจากใช้พลังงานสูง และการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.และธปท. JTS จะเข้าคำนวณ FTSE Mid Cap Index มีผล 20 ธ.ค.64 เป็นต้นไป ราคาหุ้นปรับขึ้นร้อนแรง +46% ในสัปดาห์ท่ีผ่านมา แนะนำเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง

หุ้นมีข่าว

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 55.00 บาท) ปิดดีลซื้อกิจการอีกในเกาหลีใต้ เข้าซื้อหุ้น KOPOS สัดส่วน 49.9% ราคาพาร์รวมมูลค่า 117 ล้านบาท ลุยพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม- แสงอาทิตย์ กำลังผลิต 95.78 เมกะวัตต์ ตามแผน ผนึกพันธมิตรเปิดประตูลงทุน ด้านโบรกชี้เป็นโครงการอยู่ระหว่างพัฒนา มองบวกระยะยาว แนะทยอยสะสม เป้า 56.75 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAMART (Bloomberg Consensus — บาท) เผยบริษัทย่อย “เทด้า” คว้างานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง มูลค่า 1,087.30 ล้านบาท เติมพอร์ตงานในมือเพิ่มตามเป้า ส้ินปีแตะ 1 หมื่นล้านบาท จับตาผลประกอบการปีหน้าจะฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างแน่นอน ฟากโบรกชู SAMTEL เด่นมีอัพไซด์จากงานใหม่ ลุ้นไตรมาส 4/2564 เป็นไตรมาสที่ดีท่ีสุดของปี (ท่ีมา ทันหุ้น)

(+) SUPER (Bloomberg Consensus 1.20 บาท) ลั่นปีหน้าโกยรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท โต 40% จากปีนี้ เหตุจ่อ COD โรงไฟฟ้าในเวียดนาม 371 เมกะวัตต์ และในไทย 100 เมกะวัตต์ เล็งปิดดีลเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าอีก 200 เมกะวัตต์ ลุ้นแผนพีดีพีใหม่ได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม 400-500 เมกะวัตต์ จาก 1,500 เมกะวัตต์ และคาดได้โรงไฟฟ้าขยะ 100 เมกะวัตต์ จาก 400 เมกะวัตต์ ล่าสุด แจ้งซื้อหุ้น KWP สัดส่วน 57.50% ฮุบโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 45 เมกะวัตต์ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) PROEN (Bloomberg Consensus — บาท) “โปรเอ็น คอร์ป” ปักธงรายได้ปี 65 โตกว่า 20% มีแผนทำดีล M&A ธุรกิจสมาร์ตโลจิสติกส์หวังเพิ่มฐานรายได้ประจำแย้มผลงานไตรมาส 4/64 ดีกว่าปีก่อน บุ๊กรายได้ขาย ASIC Miner ตุนแบ็กล็อก 821 ล้านบาท หนุนรายได้ปี 64 เข้าเป้าโต 20% (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิต และส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์
  • 22 ธ.ค.ประชุม กนง. ครั้งที่ 8/2564
  • สัปดาห์ที่ 5 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • 30 ธ.ค.ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 16 ธ.ค.ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จัดการประชุม

อียู รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต

สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต- ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต

  • 17 ธ.ค.อียูรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.
  • 20 ธ.ค. ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR

    อียูรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ต.ค. สหรัฐรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.

- Advertisement -