Daily Focus – Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index แกว่งตัว Sideways และพักตัวลง 6.98 จุด โดยรอติดตามผลการประชุม FED ช่วงดึก สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 953 ลบ. และ 1.1 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีก 3.2 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่ง Sideways Up กรอบ 1,620-1,630 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนไปในทางบวก หลังผลการประชุม FED ออกตามคาด ทั้งการเร่งลด QE เป็น U$ 3 หมื่นล้านต่อเดือน และ Dot Plot แสดงการขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2022 เม็ดเงินเริ่มไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ปัจจัย Overhang ระยะนี้ยังคงเป็นประเด็นโอมิครอนที่มีความเสี่ยงระบาดมากขึ้น โดยสำหรับไทยอาจเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงปลาย ธ.ค. ต่อเนื่องต้นปีหน้า ทำให้กลุ่ม Reopening Play ฟื้นตัวได้จำกัดระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าจำนวนผู้ได้รับวัคซีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเข็ม 3 จะทำให้ผลกระทบมีไม่มาก ระยะยาวยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ SET Index และเศรษฐกิจไทยในปี 2022 ยังแนะนำ “ถือลงทุน” ต่อเนื่องที่ให้ทยอยสะสม 2 ระดับ ได้แก่ 1,590-1,600 จุด และ 1,550-1,570 จุด ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่กระทบจาก COVID-19 จํากัด และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และกระทบจาก COVID-19 จำกัด

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค.: BCH, JWD, MEGA, NSL, SYNEX

หุ้นเด่นวันนี้: JR

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10 บาท
  • แนวโน้มกำไร 4Q21 คาดทรงตัว Q-Q แต่จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยยะใน 1Q22 เป็นต้นไป จาก Backlog ปัจจุบันที่สูงถึงเกือบ 5 พันลบ.
  • คาดมีลุ้นได้งานใหญ่ในช่วงปลาย 1Q22 โครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นใต้ดินเฟส 2 ของรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู ซึ่งคาดหนุน Backlog ทะลุ 1 หมื่นลบ. รวมถึงโอกาสเป็นความร่วมมือกับ Partner รุกธุรกิจวิศวกรรมไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2021-2022 +167 Y-Y และ +54% Y-Y
  • แนวรับ 7-6.90 // 6.70 บาท แนวต้าน 7.30-7.40 // 7.80 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$ 336 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$ 247 ล้าน ส่วนตลาดอาเซียนไหลออกจากอินโดนีเซียและไทยประเทศละ US$ 34 42 ล้าน โดยรอจับตาดูผลประชุม FED แนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้มีโอกาสพลิกมาไหลเข้า หลังเม็ดเงินไหลกลับหาสินทรัพย์เสี่ยง จากผลประชุม FED ที่ออกมาตามคาด

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) ผลประชุม FED ออกมาตามคาดโดยปรับลดวงเงิน QE ลงเป็นเดือนละ US$ 3 หมื่นล้าน และจะยุติโครงการในเดือน มี.ค. 22 ขณะที่ Dot Plot เจ้าหน้าที่ FED ส่วนใหญ่มองว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2022 และอีกปีละ 2 ครั้งในปี 2023-2024 ส่วนประมาณการ GDP ปี 2021 ปรับลงเล็กน้อยเหลือ +5.5% แต่ปรับเพิ่มปี 2022 ขึ้นเป็น +4% Y-Y ตลาดหุ้นสหรัฐฯตอบรับเชิงบวกและเม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง

(+) ORI เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตระยะยาว และก้าวสู่การเป็นมากกว่าบริษัทอสังหาฯ ต่อยอดการเติบโตในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องทั้ง โลจิสติกส์ การแพทย์ กัญชง บริหารสินทรัพย์ พลังงาน และนายหน้าประกันร่วมกับ Partner ในแต่ละอุตสาหกรรม รวมถึงให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อให้ธุรกิจมีความยั่งยืน เราคาดกำไรปี 2021 +7% Y-Y ก่อนเร่งตัวขึ้น +39% Y-Y และ 14% Y-Y ในปี 2022-2023 จากทั้งธุรกิจอสังหาฯ ที่เติบโต และเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเริ่มทยอยได้รับประโยชน์จากธุรกิจใหม่ๆ เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 16 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป็น Top Pick ของกลุ่ม

(0) TFM คาดกำไร 4Q21 จะอ่อนตัวลงจาก Low Season ของการเลี้ยงสัตว์น้ำ และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตใน 1H22 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2022 เติบโตสูง +20% Y-Y จากทั้งการฟื้นตัวของในประเทศหลังโควิดคลี่คลาย, เริ่มปรับขึ้นราคาขายอาหารสัตว์เฉลี่ย 2% ตั้งแต่ 1Q22, การรับรู้รายได้โรงงานในปากีสถานเต็มปี, เริ่มรับรู้รายได้โรงงานในอินโดนีเซียตั้งแต่ 1Q22 ส่วนต้นทุนอาหารสัตว์น่าจะเริ่มอ่อนตัวลงใน 2H22 นอกจากนี้ยังมีแผนผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบแห้งให้กับ TU ด้วยไลน์การผลิตเดิมที่มีอยู่ คาดจะเห็นความชัดเจนของแผนนี้ในช่วงกลางปี 2022 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2021 -45% Y-Y และกลับมา +110% Y-Y ในปี 2022 ยังคงราคาเป้าหมาย 17 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) คาดหุ้นเข้า-ออก SET50 / SET100 งวด 1H22 โดยใช้สมมติฐาน Turnover Ratio ที่ 2.5% จะได้หุ้นคาดเข้า SET50 ได้แก่ AWC TIDLOR BANPU และหุ้นคาดเข้า SET100 ได้แก่ XPG TTA TIDLOR STARK RCL KEX EPG BPP BLA AWC ส่วนหุ้นคาดออก SET50 ได้แก่ STA DELTA BJC และหุ้นคาดออก SET100 ได้แก่ TKN RS QH PTL PRM NRF ICHI DELTA BJC AAV

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 383.25 จุดหรือ +1.08% ปิดที่ 35,927.43 จุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมี.ค. 2565 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (15 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเฮลท์แคร์ที่ปรับตัวขึ้น แต่หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงนั้นกดดันตลาด ก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมตินโยบายการเงินหลังเวลาปิดตลาดหุ้นยุโรป

(-) ตลาดเอเชียบวกลบผสมเมื่อวานนี้ รอดูท่าทีประชุมเฟดตอนกลางคืน

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.41 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 14 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 70.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนว่าจะยุติการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมี.ค. ปีหน้า เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 7.8 ดอลล่าร์หรือ 0.44% ปิดที่ 1,764.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

SPDR Gold Trust ถือครองทองคํา 977.7

- Advertisement -