KS Daily View 16.12.2021 >>> Fed ปรับแผน QE Tapering และแผนการขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นตามตลาดคาด/ เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย แนะนำหุ้นกลุ่ม domestic play ที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ/ คาด SET 1630 หุ้นแนะนำ TTB LH

ปัจจัยต่างประเทศ: ผลการประชุม FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และประกาศว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากแผนเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. ปีหน้า ส่งผลให้ Fed ยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค. ปีหน้าเร็วขึ้นกว่าแผนเดิม นอกจากนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่ Fed ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2022 และปรับเพิ่มอีกปีละ 2 ครั้งในปี 2023-24 ซึ่งเร็วขึ้นกว่า Dot plot เดิมเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แผนการทำ QE Tapering รวมถึงแผนการขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปตามตลาดคาดก่อนหน้านี้ และการที่ตลาดหุ้นปรับฐานในช่วงหลายวันก่อนการประชุมถือว่าได้รับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว จึงเกิด “Buy on fact” ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเมื่อคืน ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.7% ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในดัชนี S&P500 นำโดยหุ้น Tech ขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพสูงเช่น หุ้น Apple พุ่งขึ้น +2.85% Amazon+2.5% Meta +2.37% Microsoft +1.92% Netflix +1.18% Alphabet +1.76% ขณะที่หุ้นกลุ่ม Healthcare +2.1% นำโดย Eli Lilly +10.39% UnitedHealth +3.11% และกลุ่ม Semiconductors NVDIA +7.5%, AMD +8%, Qualcomm +4%

มุมมองภาพตลาดการลงทุนทั่วโลกหลังการประชุม FOMC เป็นไปตามที่ตลาดคาด หลังจากนี้คาดว่านักลงทุนจะลงทุนหุ้นกลุ่ม Quality Growth และกลุ่มเชิงรับอย่าง Healthcare มากขึ้น ทั้งนี้เราคาดว่าตลาดจะหันไปให้ความสำคัญกับสถานการณ์ โอไมครอน โดย WHO ยังคงส่งสัญญาณให้ระมัดระวังระหว่างการตรวจสอบความร้ายแรงของสายพันธ์นี้ ขณะที่ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในอังกฤษทำจุดสูงสุดตั้งแต่เกิดการระบาดโควิดที่ระดับ 78,610 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโอไมครอนรายแรกแล้ว อย่างไรก็ตามทางนายบอริส จอห์นสันนายกอังกฤษ ได้ประกาศเร่งโปรแกรมการฉีดเข็มสามให้เพียงพอกับผู้ใหญ่ภายในสิ้นปีนี้

ปัจจัยภายในประเทศ: สำหรับมุมมองภาพรวมตลาดหุ้นไทยหลังการประชุม FOMC ถึงแม้ว่าจากข้อมูลในอดีต 3-6 เดือนก่อนการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ดัชนี S&P500 สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า MSCI EM และ SET จากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกอย่างมีนัยยะ อย่างไรก็ตามเราคาดว่ารอบนี้จะไม่เหมือนในอดีต

โดยเรามีมุมมองเป็นบวกต่อภาพตลาดหุ้นไทยในระยะ 6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากตั้งแต่ปี 2013 มีกระแสเงินต่างชาติไหลออกสูงกว่า 5 แสนลบ. ไปแล้ว ประกอบกับสถานะประเทศไทยถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่งในตลาดเกิดใหม่ เมื่อพืจารณาปัจจัยอย่าง หนี้ต่างประเทศ, ดุลบัญชีเดินสะพัดและเงินสำรองระหว่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้เราคาด SET target ที่ระดับ 1680 โดยยังแนะนำหุ้นกลุ่ม domestic play ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

มุมมองตลาดหุ้น คาด SET 1630 หุ้นแนะนำ TTB LH

Top pick

TTB (ราคาพื้นฐาน 1.50 บาท) เริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น และอาจเริ่มเห็นการ synergy มากขึ้นหลังจากที่มีการควบรวมกิจการรวมทั้งคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาสสี่หลังเปิดเมือง ทั้งนี้ถือเป็นหุ้นที่ laggard ในกลุ่มธนาคาร.

LH (ราคาพื้นฐาน 10.40 บาท) คาดบริษัทจะฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องจากยอดขายบ้านที่เติบโตและรายได้จากค่าเช่าและการลงทุนที่ฟื้นตัวดีขึ้นในปีหน้า.

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นเดือน พ.ย.​ คาด +21.2% YoY ดัชนี Markit Manufacturing PMI Flash ของเยอรมัน เดือน ธ.ค. คาด 57 จุด (ทรงตัว MoM) ดัชนี Markit Manufacturing PMI Flash ของยูโรโซน เดือน ธ.ค. คาด 57.7 จุด (-1.2% MoM) การประชุม BOE คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.1% การประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยนโยบาย Deposit Facility rate ที่ -0.5% ตัวเลข Housing starts ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด +2.6% MoM เป็น 1.56 ล้านยูนิต ตัวเลข Industrial production ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด +5% YoY ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์คาด +2.15 แสนคน และดัชนี Markit Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 58.5 จุด และดัชนี Markit Service PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 58.2 จุด

วันศุกร์ ติดตาม การประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% ตัวเลข Retail sales ของอังกฤษเดือน พ.ย. คาด +1.5% MoM ดัชนี Info business climate ของเยอรมันเดือน ธ.ค. คาด 95.4 จุด (-1.1% MoM) ตัวเลขดัชนี CPI ของยูโรโซน เดือน พ.ย. คาด +0.5% MoM และ +4.9% YoY

- Advertisement -