บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

AP (Thailand) (AP TB) รอปัจจัยหนุนการเติบโตใหม่

D/G เป็นถือ ปรับ TP ใหม่เป็น 10.3 บาท

การเคลื่อนไหวเชิงรุกของ AP ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ช่วยผลักดันส่วนแบ่งการตลาดขึ้นอันดับ 1 ในแง่ยอดขายล่วงหน้า และการเปิดตัวโครงการใหม่ แม้มีการระบาดของโควิด-19 ราคาหุ้นพุ่ง 120% จากจุดต่ำสุด ณ สิ้นไตรมาส 1/63 แต่เมื่อมองไปข้างหน้า เราคาดว่าโมเมนตัมจะชะลอตัวลง และกำไรมีแนวโน้มเติบโตเล็กน้อย เราลดน้ำหนักเป็น ถือ โดยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 10.3 บาท บน PE ปี 65 ที่ 7 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยระยะยาวราคาหุ้นตอบรับข่าวดีไปแล้ว อัพไซด์ต่อ TP อยู่ที่ 8% เราชอบ LH มากกว่า เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวสูงกว่า

โมเมนตัมกำไรชะลอตัว

การเติบโตของกำไรของ AP แตะจุดสูงสุดที่ 38% YoY ในปี 63 มาจากฐานที่สูง เราคาดว่ากำไรจะเติบโตเพียงหลักเดียวต่อปีในอนาคต เราคาดว่ายอดขายอสังหาแนวราบจะเพิ่มขึ้น 10% YoY ในปี 2565 ลดลงจาก +20% ในปี 2564 และ 51% ในปี 2563 กำไรจากคอนโดมิเนียมภายใต้กิจการร่วมค้าสูงสุดในปี 2563 ที่ 1.9 พันล้านบาท ลดลง 30-35% ในปี 2564 และอีก 20% ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม AP จะยังคงสามารถรักษาอันดับที่ 1 ในแง่ยอดพรีเซลล์ได้ หากการเปิดตัวโครงการใหม่ฟื้นตัวเท่าระดับก่อนโควิด

แนวโน้มปี 2565

มูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีหน้าน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5 หมื่นล้านบาท (+60% YoY) ซึ่งใกล้เคียงกับการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยเฉลี่ยสำหรับปี 2560-2562 ส่วนใหญ่จะเปิดตัวใน 1H65 โครงการใหม่จะมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในแง่แบรนด์รูปแบบที่อยู่อาศัย สถานที่ตั้ง และราคา ดังนั้นเราจึงคาดว่ายอดขายล่วงหน้าในปีหน้าจะเติบโตต่อไปในอัตราเลขสองหลัก บริษัทมองว่ามาตรการ LTV 100% จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับสูง โดยธนาคารยินดีให้กู้ยืมแก่ผู้ที่มีสถานะทางการเงินที่ดีมากกว่ากลุ่มระดับล่าง (ที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท/หน่วย)

ความเสี่ยง

ปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้หลักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ ยอดขายอสังหาแนวราบที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และรายได้จากคอนโดมิเนียมในกิจการร่วมค้ากับมิตซูบิชิ เอสเตท แต่เมื่อรายได้จากคอนโดลดลงเรื่อยๆ AP จึงต้องพึ่งพาธุรกิจอสังหาแนวราบที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าเป็นอย่างมาก ด้วยโมเมนตัมการเติบโตเพียงเล็กน้อย อาจเป็นเรื่องยากสำหรับการที่หุ้นจะถูก re-rate ไปใช้ PE ที่สูงขึ้นในการประเมินมูลค่า

- Advertisement -