WFX หุ้น IPO น้องใหม่กระแสแรง ขายจองซื้อล้นหลาม นักลงทุนมั่นใจอนาคตสดใส หลังเดินหน้าขยายกำลังผลิตตามแผน ช่วยให้ Net margin ปรับตัวดีขึ้นจาก economies of scale อนาคตจ่อขึ้นแท่นผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ของโลก ชูจุดเด่นมีโปรดักส์หลากหลาย สินค้ากระจายทั่วโลก พร้อมโอกาสการเติบโตจากแผนการเจาะตลาดใหม่ เพิ่มมาร์เก็ตแชร์ หนุนผลงานโตแกร่ง เตรียมเข้าเทรดใน SET ภายในเดือนธันวาคมนี้

 

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ฝ่ายวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX เปิดเผยว่า ผลจองซื้อหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 142 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 7.20 บาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคักทั้งนักลงทุนทั่วไปและสถาบัน โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในธันวาคมนี้

สำหรับการเสนอขายหุ้น IPOในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 142,000,000 หุ้น มีสัดส่วนการเสนอขายหุ้นคือ ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน TRUBB (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 11,360,000 หุ้น คิดเป็น 8.00% กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท ไม่เกิน 14,200,000 หุ้น  คิดเป็น 10.00% ผู้มีอุปการคุณของบริษัท ไม่เกิน 18,460,000 หุ้น  คิดเป็นร้อยละ 13.00% และบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ไม่น้อยกว่า 97,980,000 หุ้น  คิดเป็นร้อยละ 69.00%

ด้านนายชวลิต ติยาเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจของบริษัท ในฐานะผู้นำผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ของโลก และจากแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 12,400 ตันต่อปีในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า แบ่งเป็น 2 เฟส ซึ่งเฟสแรกมีกำหนดจะผลิตได้ในช่วงกลางปี 2565 จำนวน 6,200 ตันต่อปี และในเดือนมกราคม 2566 จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 6,200 ตัน รองรับออเดอร์ลูกค้าในต่างประเทศ เพิ่มโอกาสในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดโลก ภายใน 1-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 35,000 ตันต่อปี

“ในช่วงที่ผ่านมา ยอดขายของ WFX เติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี และในอนาคตมีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับสูงเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังผลิตอีกราว 35% ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ช่วยให้ Net margin ของบริษัทปรับตัวดีขึ้น จากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และ economies of scale รวมถึงความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด” นายชวลิต กล่าว

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX ระบุว่าวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงินสุทธิประมาณ 998.12 ล้านบาท จัดแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ เป็นเงินทุนในการขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด  350 ล้านบาท ภายในปี 2565 ใช้ชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน 400 ล้านบาท ภายในปี 2564 และ เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ 248.12 ล้านบาท ภายในปี 2565

“จากแผนงานและกลยุทธ์เชิงรุกในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในเอเชียใต้ บังคลาเทศ ปากีสถาน เยอรมนี อิตาลี รัสเซีย บราซิล อาเจนตินา และชิลี รวมถึงชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง จากความได้เปรียบในด้านต้นทุนยางพาราธรรมชาติที่ถูกกว่าคู่แข่ง เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 ที่ Net Profit ของบริษัทเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 218% จากแผนงานและกลยุทธ์ที่วางไว้ ประกอบกับการขยายกำลังการผลิตในช่วงต้นปี

****************

- Advertisement -