บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

IFS CAPITAL (IFS) ธุรกิจสินเชื่อกำลังฟื้นตัว แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นแรงเกินไป

Action

TRADING

TP upside (downside) +5.5%

Close Dec 20, 2021 Price (THB) 3.16

12M Target (THB) 3.34

Previous Target (THB) –

What’s new?

  • IFS มีกำไรสุทธิใน 3Q64 จำนวน 38 ลบ. โตเด่น 123%YoY จากฐานต่ำในปีก่อนท่ีมีการเร่งต้ังสำรองจำนวนมาก และโต 5.7%QoQ ดีกว่าคาดเล็กน้อย หนุนจากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานท่ีมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • แนวโน้ม 4Q64 คาดผลดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจเร่ิมกลับมาเติบโต หนุนความต้องการสินเช่ือ เสริมสภาพคล่องของกลุ่มลูกหนี้ SME ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อท้ังรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียม

Our View

  • แม้เราชอบ IFS จากแนวโน้มการฟื้นตัวของผลดำเนินงาน แต่ด้วยราคาหุ้นท่ีปรับขึ้นอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันไม่มี Upside เหลือ แม้ปรับราคาเป้าหมายไปใช้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ท่ี 3.34 บาท (อิงวิธี Gordon Growth Model โดย Ke=10.8%, Sustainable ROE=10.5%, LTG=2%) เราจึงปรับลดคำแนะนำลงจาก “ซื้อ” เป็น “Trading” อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทยังมีจุดเด่นท่ี Div.Yield สูงราว 4.9% (จ่ายปีละ 1 คร้ัง)

กำไรสุทธิ 3Q64 โตเด่น 123% YoY จากฐานและ 5.7% QoQ หลังคุมค่าใช้จ่ายได้ดี

IFS รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 จำนวน 38 ลบ. เพิ่มขึ้นเด่น 123% YoY จาก 2Q64 ที่มีการตั้งสำรองจำนวนมาก หลังมีลูกหนี้บางส่วนที่ศักยภาพในการชำระหนี้น้อยลง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 และเพิ่มขึ้น 5.7% QoQ ดีกว่าคาดเล็กน้อย แม้มีแรงกดดันจากรายได้จากการดำเนินงานที่ปรับลงเล็กน้อย 1.3% QoQ หลังการแพร่ระบาดกลับมารุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ในเดือน ก.ค. -ส.ค. 64 ทำให้บริษัทชะลอการให้สินเชื่อในบางกลุ่ม และหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ สะท้อนจากขนาดของพอร์ตสินเชื่อรวมที่ลดลง 0.5% QoQ ทำให้ทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมปรับลง 0.7% QoQ และ 2.4% QoQ ตามลำดับ รวมถึงมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มระดับ Coverage Ratio ให้สูงขึ้นเป็น 109% จาก 104.7% ใน 2Q64 หลังตัวเลข NPL ต่อสินเชื่อรวมปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.3% จาก 3.2% ใน 2Q64 (หลักๆ มาจาก NPL ในกลุ่มสินเชื่อ Factoring) อย่างไรก็ดี บริษัทมีการปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดี ปรับลงกว่า 13.2% QoQ หลังบริษัทคุมเข้มค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ และลดค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ให้กับพนักงานน้อยลงจาก 2Q64 เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว ทำให้ Cost to Income Ratio ลงจาก 46.9% ใน 2Q64 เหลือเพียง 41.2% และทำให้ 9M64 IFS มีกำไรสุทธิ 109 ลบ. โต 9.9%YoY

ปรับประมาณการกำไรปี 2564-65 ขึ้น สะท้อนผลดำเนินงานที่ดีกว่าคาด

กำไรสุทธิ 9M64 คิดเป็น 76.5% ของประมาณการเดิม เนื่องจากบริษัทมีการปรับลดค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าคาด ขณะที่ใน 4Q64 เราคาดผลประกอบการของ IFS จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง สอดรับไปกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เร่งตัวขึ้น ทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อในกลุ่มลูกค้า SME จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ทำให้เราคาดปริมาณการขอสินเชื่อ Factoring และสินเชื่อเช่าซื้อทางการเงินจะเริ่มขยับขึ้น สอดคล้องกับการกลับมาดำเนินธุรกิจและลงทุนขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการ SME ซึ่งจะช่วยให้ทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ขณะที่การตั้งสำรองมีแนวโน้มผ่อนคลายลง และมีโอกาสกลับรายการการตั้งสำรอง สอดรับกับความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ในพอร์ตดีขึ้น เพื่อสะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าวเราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิในปี 2564 ขึ้นเล็กน้อยราว 6.7% ภายใต้ประมาณการใหม่เราคาด IFS จะมีกำไรสุทธิ 152 ลบ. โต 13.9% YoY และ 7.5% YoY ในปี 2565 ผลบวกจากภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น

มองเป็น Dividend Stock ที่น่าสนใจ แต่ราคาหุ้นปัจจุบันปรับขึ้นแรงจนไม่มี Upside

แม้เราชอบ IFS จากแนวโน้มการฟื้นตัวของผลดำเนินงาน แต่ด้วยราคาหุ้นที่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันไม่มี Upside เหลือ แม้ปรับราคาเป้าหมายไปใช้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 3.34 บาท (อิงวิธี Gordon Growth Model โดย Ke = 10.8%, Sustainable ROE = 10.5%, LTG = 2%) เราจึงปรับลดคำแนะนำลงจาก “ซื้อ” เป็น “Trading” อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทยังมีจุดเด่นที่ Div.Yield สูงราว 4.9% (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)

- Advertisement -