KUN  เสิร์ฟข่าวดีส่งท้ายปี รายได้รวมจ่อทะลุเป้าลุ้น แตะระดับ 1 พันล้านบาท ทุบสถิติเป็นประวัติการณ์ หลัง 11 เดือน ส่งมอบบ้านแล้วกว่า 900 ล้านบาท มี Backlog จ่อโอนอีกประมาณ 100 ล้านบาท แย้มแผนปี 65 เน้นสร้างแบรนด์ ศึกษาโทเคนดิจิทัล มุ่งสู่ธุรกิจใหม่ พร้อมชู “คุณาลัย นาวาร่า” เป็น Flagship แห่งใหม่ โซนบางขุนเทียน เชื่อปีแรกมียอดโอน 100 ล้านบาท พร้อมตอกย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจ ระบุปัจจุบันมีที่ดินที่รอการพัฒนามูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท สำหรับรองรับการเติบโตใน 5-7 ปีข้างหน้า

 

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2564  มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้วกว่า 900 ล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือขณะนี้ มูลค่ารวมประมาณ 280 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในไตรมาส 1/65 จึงเชื่อว่า รายได้รวมในปี 2564 มีแนวโน้มแตะระดับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และถือว่าเป็นการเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ให้อยู่ในระดับ 10% โดยการมุ่งดูแลและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิที่ 15.7%

ขณะที่ยอดขาย (Presale) มั่นใจว่า สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท โดยจะเห็นได้จากช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายสะสมแล้ว ประมาณ 1,370 ล้านบาท ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเหลืออีกเพียง 130 ล้านบาท ก็จะได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยนช่วงโค้งสุดท้าย บริษัทวางกลยุทธ์โดยเน้นระบายบ้านพร้อมอยู่ที่หลุดดาวน์ ด้วยการจัดโปรโมชั่นช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่างๆ ในวันโอนกรรมสิทธิ์ และโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆ ในแต่ละโครงการ เช่น ผ่อนบ้านล้านละพัน เพื่อเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในช่วงปลายปี ก่อนจะมีการปรับราคาบ้านทั้งพอร์ตในปี 2565 เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 15-20% จากปี 2564 โดยมองว่า ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลกำไรของ KUN อย่างชัดเจน หลังจากที่ได้ลงทุนมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

“แผนงานในปี 2565  KUN จะมุ่งเติบโตทางด้านตัวเลขรายได้ แตะระดับ 1,000 ล้านบาท และตอกย้ำศักยภาพการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มีแผนศึกษาการใช้เครื่องมือทางการเงินที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาโทเคนดิจิทัล (Digital Token) รวมถึงแผนการนำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ และการมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคตฎ

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีการปรับกลยุทธ์การตลาด รวมถึงการออกแบบดีไซน์บ้าน เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยมองว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในปี 2565 จะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้ KUN จึงมุ่งรักษากลุ่มลูกค้าเดิม พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละทำเล

ทั้งนี้ สำหรับโซนทำเลบางบัวทอง บริษัทมุ่งเน้นรักษาแชมป์การเป็นเจ้าตลาด โดยการซื้อที่ดินเตรียมรองรับการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินเปล่าสำหรับรองรับการพัฒนาไว้แล้วกว่า 100 ไร่ และสร้างพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะที่ทำเลโครงการที่ฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตได้เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยได้วางยุทธ์ศาสตร์การสร้างเมืองใหม่ ในทำเลดังกล่าวให้เหมือนบางบัวทอง เพื่อรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สอดรับกับการยกระดับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จ.ฉะเชิงเทรา สู่การเป็นเมืองที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ (Smart City)

ส่วนของโครงการในทิศที่ 3 (ทิศใต้) โซนพระราม 2-บางขุนเทียน ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท ภายใต้ชื่อโครงการ “คุณาลัย นาวาร่า” จะเป็นอีก 1 แฟลกชิป (Flagship) ที่เป็นทำเลทองอีกหนึ่งเรือธงของ KUN โดยจะยกโมเดลยุทธ์ศาสตร์การสร้างเมือง บนพื้นที่ดังกล่าวให้เหมือนแฟลกชิปแห่งแรกคือบางบัวทอง โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการ ได้ตั้งแต่ต้นปี 2565 และคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในไตรมาส 3/65 โดยมองว่าทำเลโซนนี้จะเป็น Blue Ocean ที่ยังคงมีดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยในโซนนี้อยู่ จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ KUN จะเข้าไปพัฒนาโครงการในทำเลดังกล่าว โดยในปี 2565 บริษัทตั้งยอดโอนสำหรับโครงการนี้ไว้ประมาณ 100 ล้านบาท

“จากแผนกลยุทธ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการเติบโต ด้วยการเตรียมโครงการไว้รองรับการขายในอนาคต โดยล่าสุดบริษัทจะมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา รวมถึงที่ดินเตรียมพัฒนา และที่ดินเปล่าที่บริษัทได้วางมันจำไว้แล้ว รวมมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวจะสามารถรองรับการเติบโตในอนาคตได้ภายในระยะเวลา 5-7 ปีข้างหน้า” นางประวีรัตน์ กล่าว

***********************

- Advertisement -