AIT  เผยผู้ถือหุ้นไฟเขียว อนุมัติการแตกพาร์จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท พร้อมอนุมัติออกวอร์แรนต์ รวมทั้งเพิ่มทุนจดทะเบียน ระบุเพื่อเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น เตรียมความพร้อมและสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ขณะที่ผลงานปีนี้ มั่นใจรายได้โตทะลุเป้า แตะระดับ 6,500 ล้านบาท  จากปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ราว 7,600 ล้านบาท ส่วนหนึ่งทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ทั้งยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า มูลค่ากว่า 285 ล้านบาท

 

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท ส่งผลให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,031,604,485 หุ้น จากเดิมที่ 206,320,897 หุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหุ้น รวมถึงสามารถเพิ่มการกระจายการถือหุ้น AIT ไปยังผู้ลงทุนได้กว้างขวางขึ้น และทำให้หุ้นของบริษัทมีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะต้องยื่นเอกสารต่างๆตามกฎหมาย โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ราคาพาร์ใหม่ได้ในวันที่  4 มกราคม 2565

นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ได้มีมติอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (AIT-W2) จำนวนไม่เกิน 515,802,242 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) โดยมีอัตราการจัดสรรเท่ากับ 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ (หากมีเศษจากการคำนวณตามอัตราการจัดสรรให้ปัดเศษทิ้ง) ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวจะมีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ออก และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น โดยราคาใช้สิทธิเท่ากับ 2 บาท  โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ AIT-W2 (Record Date) ในวันที่ 10 มกราคม 2565

พร้อมกันนี้ ได้มีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวนไม่เกิน 515,802,242 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,031,604,485 บาท รวมเป็น 1,547,406,727 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 515,802,242 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน ในการสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ เมื่อมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตมากกว่าเป้าหมายรายได้ที่กำหนดไว้ราว 6,500 ล้านบาท โดยใน 9 เดือนแรกของปี บริษัททำรายได้จากงบเฉพาะกิจการได้แล้วกว่า 5,414 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 380 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2564 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 7,600 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 285 ล้านบาท

***********

- Advertisement -