Our View? ”ฟื้นตัว”
คาดตลาดวันน้ี “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1624/1620 และแนวต้านที่บริเวณ 1,637/1,650 คาดวันน้ีตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาสดใส โดยตัวเลขประมาณการ GDP ไตรมาส 3 ออกมาอยู่ที่ 2.3% สูงกว่าประมาณการครั้งก่อนหน้า อีกทั้งตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 115.8 มากกว่าท่ีตลาดคาด สะท้อนผู้บริโภคสหรัฐมีมุมมองที่ดีต่อทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงปีหน้าแม้จะเผชิญการแพร่ระบาดของ Omicron ในขณะนี้
ผสานกับราชวิทยาลัยลอนดอน (ICL) ระบุความเสี่ยงของผู้ป่วยจากไวรัสร COVID-19 สายพันธ์ุ Omicron ในการเข้ารักษาในโรงพยาบาลมีต่ำกว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Delta ราว 40-45% สอดคล้องกับผลการศึกษาของสถาบันอื่นก่อนหน้า อีกท้ังคาดว่าตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากการท่ีสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติยารักษา COVID-19 ของ Pfizer (Paxlovid) ให้สามารถใช้รักษาอาการที่บ้านได้ คาดจะหนุนความสามารถในการรับมือต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐ ช่วยผ่อนคลายความกังวลของตลาดที่มีต่อการแพร่ระบาดได้บ้าง หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. เมื่อคืนนี้ฟื้นตัวขึ้นได้ดี +1.64 ดอลลาร์ ปิด ที่ 72.76 ดอลลาร์/บาร์เรล (+2.31%) หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผย ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 423.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วเป็นการลดลง มากกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐยังฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการที่สำนักงาน พลังงานสากล (IEA) คาดตลาดน้ำมันโลกกำลังเผชิญกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และภาวะดังกล่าวจะรุนแรงขึ้นในช่วง ต้นปีหน้า จะยังเป็นปัจจัยกดดันจำกัด Upside การฟื้นตัวของราคาน้ำมันได้อยู่
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการท่ีเมื่อวานนี้กนง.คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ ระดับ 0.5% ตามที่ตลาดคาด แต่ปรับเป้า GDP ปีนี้โตขึ้นเป็น +0.9% อย่างไรก็ตาม ปรับลดเป้า GDP ปีหน้าลงเหลือเพียง 3.4% น้อยกว่าท่ีตลาดคาด และคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.9% จากความกังวลการแพร่ระบาดของ Omicron โดย คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาสู่ภาวะปกติได้ในช่วงปี’66
ทั้งน้ีเรายังแนะนำติดตามการออกมาตรการกระตุ้นการใช้รถไฟฟ้าในช่วงปีหน้า คาดรัฐจะให้เงินสนับสนุนในการซื้อรถยนต์ EV ที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท 20% มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มยานยนต์ (AH และ SAT) และช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (HANA, KCE และ SMT) รวมถึงการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบัน คาดจะส่งผล ให้ตลาดผันผวนในช่วงสุดท้ายของปีได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม คาดตลาดหุ้นไทยอาจยังเผชิญ Sentiment ลบ จากการพบผู้ติดเชื้อ Omicron ที่เริ่มเห็นการแพร่ระบาดในประเทศ โดยทาง ศบค. สั่งระงับการลงทะเบียน Test & Go และ Sandbox แล้ว ยกเว้น Phuket Sandbox โดยจะมีการตรวจหาเชื้อแบบ RT – PCR 2 ครั้ง จากเดิมเพียงแค่ ATK คาดจะส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้ เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม
อีกทั้งการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯส่งสัญญาณ มีโอกาสที่กระทรวงการคลังจะกลับมาเก็บภาษีการขายหุ้น 0.1% ของมูลค่าซื้อขายที่มากกว่า 1 ล้านบาท/เดือน หลังยกเว้นตั้งแต่ปี’ 34 ซึ่งผลกระทบต่อปริมาณการซื้อขายลดลง จำกัดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย และส่งผลให้นักลงทุนไทยมีแนวโน้มลงทุนต่างประเทศ และ Cryptocurrency มากขึ้น รวมถึงส่งผลให้ความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติลดลง ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ ไทย
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “SMT”
แนวรับ 6.40 / 6.25 Target 7.00 / 7.30 Stop <5.95