ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

แกว่งตัวขึ้นต่อ

KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ขึ้นต่อ แต่คงขึ้นไม่แรง (sideways up) หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยบวกในกรอบแคบๆ (ตามคาด) … ขณะที่วันนี้ประเมินปัจจัยต่อตลาดหุ้นเป็นบวกเล็กน้อยกล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นต่อ ยังคงตอบรับถ้อยแถลงของปธน. Joe Biden เมื่อวันอังคารว่า สหรัฐฯจะไม่ทำการล็อกดาวน์ แม้ว่ามีการระบาดของสายพันธุ์ Omicron ผนวกกับตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2554 ของสหรัฐฯออกมาที่ 2.3% QoQ ซึ่งดีกว่าที่ consensus คาดการณ์เล็กน้อย ii) ผลวิจัยล่าสุดจาก University College London ชี้ว่าอัตราการเข้ารักษาตัวใน ร.พ. จากสายพันธุ์ Omicron ต่ำกว่าของสายพันธุ์ Delta ถึง 45% ทำให้ตลาดคลายกังวลต่อแรงกดดันของระบบสาธารณสุขไปบ้าง … ด้านปัจจัยภายในประเทศกนง. คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ซึ่งเป็นไปตามที่เราและ consensus คาด นอกจากนี้กนง. ปรับประมาณการ GDP ปี 2564 จาก 0.7% เป็น 0.9% แต่ปรับลด GDP ปี 2565 จาก 3.9% เป็น 3.4% โดยตัวเลขล่าสุดนี้ได้รวมผลกระทบจากสายพันธุ์ Omicron และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่งประกาศออกมาไปแล้ว ขณะที่ในค่ำคืนวันนี้สหรัฐฯจะมีรายงานข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE inflation เดือน พ.ย. ซึ่ง consensus คาด +4.5% YoY เร่งตัวต่อจาก +4.1% YoY ในเดือน ต.ค.

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร EPG*, SCC*, OTO

  • EPG* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.0 บาท / แนวต้าน 11.4-11.9 บาท (Stop loss 10.7 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มราคาเม็ดพลาสติกจะเริ่มปรับลดลงใน 1Q65 จากกำลังการผลิตใหม่จากจีน และสหรัฐฯที่จะเพิ่มขึ้น คาดเป็นบวกต่อ EPG (ต้นทุนการผลิตลดลง) 3) ประเมินแนวโน้มยอดขายทั้ง 3 ธุรกิจฟื้นตัวเด่นในปีหน้า (ฉนวนยางพื้นตามการลงทุน / ชิ้นส่วนยางยนต์ฟื้นตามอุตสาหกรรมยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ฟื้นตามการบริโภคในประเทศ)
  • SCC* (เป้าพื้นฐาน 494.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 376 บาท / แนวต้าน 380-388 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 400 บาท (Stop loss 370 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard โดยบ.ลูก SCGP* (SCC* ถือหุ้น 72.12%) ปรับขึ้นแรงจนมูลค่าตามสัดส่วนการถือหุ้นคิดเป็น 47% ของมูลค่า Market cap SCC* แล้ว 3) PE ปี 2564 ต่ำเพียง 9.2 เท่า (คิดเป็นเพียงราว 1.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าเฉลี่ยในอดีต) / PBV 1.26 เท่า (คิดเป็นเพียง 1.0 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนตรมาตรฐานของค่าเฉลี่ยในอดีต)
  • OTO (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) ประเมินแนวรับ 12.2 บาท / แนวต้าน 12.5-13.6 บาท (Stop loss 11.9 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากการลงทุนในธุรกิจด้านดิจิทัลโดยล่าสุด i เตรียมเข้าลงทุนใน บริษัท บล็อกเชน ไพรม์ โฮลดิ้ง” สัดส่วน 20% (เซ็น MOU แล้ว คาดสามารถสรุปการลงทุนได้ใน 1Q65) ซึ่งเป็นธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์ม Blockchain Solutions ในโครงการ “Social Bureau” และ ii) ร่วมทุน JV กับ IP ทำธุรกิจ Telepharmacy (จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านเภสัชกรออนไลน์) … ทั้งนี้นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร OTO-W1 (แนวรับ 5.9 / แนวต้าน 6.25-6.50 บาท / Stop loss 5.7 บาท) โดยราคาปิด OTO-W1 วานนี้ต่ำกว่าราคาเหมาะสมราว 56% (ราคาเหมาะสม 9.3 บาท คำานวณโดย BS model / โปรแกรม Aspen)

หุ้นมีข่าว

(+) PRINC-RATCH* ลงขันตั้งบ.ร่วมทุนรุกธุรกิจรพ. ประเดิมสกลนครมูลค่า 463 ล. (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “พรินซิเพิล แคปิตอล” จับมือ “ราชกรุ๊ป” ลงขันตั้งบริษัทร่วมลงทุน “พรินซิเพิล เฮลท์แคร์ สกลนคร” ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลในจังหวัดสกลนครขนาด 59 เตียง มูลค่าเงินลงทุน 463 ล้านบาท เดินหน้าตามแผนขยายโรงพยาบาลให้ครบ 20 แห่งภายในปี 2566 ไม่ปิดกันพันธมิตร

(+) MINT* รับทรัพย์ 3.5 พันล้านบาท ขายหุ้นรีสอร์ต-ศูนย์การค้า 40% ให้กองทุนอาบูดาบี (ข่าวหุ้น) MINT* ประกาศ “กองทุนอาบูดาบี” เข้าร่วมถือหุ้น 40% ในรีสอร์ตท่องเที่ยว 4 แห่ง และศูนย์การค้า 1 แห่งในไทย ในราคาขายรวม 3.5 พันล้านบาท MINT* หวังนำเงินไปลดภาระหนี้สินและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน

(+) JR ผนึก EA* ลุยชาร์จอีวี ประมูลงานใหม่หมื่นล. (ทันหุ้น) JR เกาะเทรนด์อีวีผนึก EA* ลุยในสถานีชาร์จไซซ์บิ๊ก เปิดช่องรับทรัพย์พร้อมเดินหน้าสอยงานใหม่ 1 หมื่นล้านบาท ปั๊ม Backlog เพิ่มจากเดิมราว 4.9 พันล้านบาทกินยาวปี 2567 ผู้บริหาร “สุรเดช อุทัยรัตน์” วางหมากปี 2565 รายได้ทะยาน 20% จากปี 2564 อานิสงส์งานเรียงคิวเพียบ

(+) BGRIM* ปิดดีลซื้อ 360 เมกฯ ดันกำไร EP ไตรมาส 4 สวย (ข่าวหุ้น) BGRIM* ปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของ “อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น” หรือ E-COGEN กำลังการผลิตรวม 360 เมกะวัตต์ เสร็จสมบูรณ์ หนุนศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ฟาก EP เตรียมบันทึกขายหุ้น E-COGEN ให้ “ยูนิเวนเจอ ร์บีจีพี” มูลค่ากว่า 11,334.09 ล้านบาท ภายในเดือน ธ.ค. นี้ หนุนผลงานไตรมาส 4/64 โตกระฉูด

(+) OCEAN เปลี่ยนชื่อใหม่ ALPHAX ล้างขาดทุนสะสม-ลุยธุรกิจกัญชงฯ (ข่าวหุ้น) ผู้ถือหุ้น OCEAN ไฟเขียวแผนล้างขาดทุนสะสม พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อัลฟ่าดิวิชั่นส์” (ALPHAX) พลิกโฉมลุยธุรกิจบัญชง-กัญชาเต็มรูปแบบ หนุนธุรกิจปี 65 เข้าสู่ New S Curve ดันผลงานโตก้าวกระโดดและเดินหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • GPSC* (เป้าพื้นฐาน 94.5 บาท) แนวรับ 81.5 บาท / แนวต้าน 84 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 80 บาท)
  • BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) แนวรับ 199 บาท / แนวต้าน 20.3-21 บาท (Stop loss 19.5 บาท)
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 15.1 บาท) แนวรับ 13.0 บาท / แนวต้าน 14.0-14.3 บาท (Stop loss 13.0 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 14.4 บาท) แนวรับ 13.0 บาท / แนวต้าน 13.6-13.8 บาท (Stop loss 12.7 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 16 บาท) แนวรับ 14.3 บาท / แนวต้าน 14.6-14.8 บาท (Stop loss 14.2 บาท)
  • OCEAN (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนวรับ 1.64 บาท / แนวต้าน 1.70-1.76 บาท (Stop loss 1.62 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” จากงบดุลธนาคารเดือน พ.ย. ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเริ่มเห็นสัญญาณผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แรงกดดันจากการบันทึกผลขาดทุนตามราคาตลาดของตราสารหนี้ลดลง แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะพลิกมาเพิ่มขึ้นก็ตาม ในขณะเดียวกันการผ่อนคลายเกณฑ์การบริหาร NPL ผ่านการตั้ง JV จะช่วยคลายแรงกดดันของธนาคารในเชิงคุณภาพสินทรัพย์ลง เลือก SCB* และ KBANK* เป็นหุ้นเด่น
  • COM7* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 95 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q64 = 629 ล้านบาท (+13% YoY, +10% QoQ) จากยอดขายที่คาดจะเติบโตเด่นในช่วง High season

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -