บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

A. J. PLAST PCL ต่อให้ COVID หายไป แต่กำไรจะยังอยู่

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +15.6%

Close Dec 23, 2021 Price (THB) 17.30

12M Target (THB) 20.00

Previous Target (THB) 23.00

What’s new?

  • ปรับประมาณการปี 2564-65 ลงเป็น 589 ล้านบาท และ 632 ล้านบาท ตามลำดับ จากการคาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564 อย่างระมัดระวัง และปรับปริมาณขายปี 2565 ลงเพื่อสะท้อนผลกระทบจากทิศทางราคาน้ำมันขาลง
  • คาดผลประกอบการสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก Demand ท่ีคาดทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการขยายกำลังผลิตของบริษัทต่างๆท่ียังคงช้ากว่าการเพิ่มขึ้นของ Demand รวมถึงโอกาสในการผลิตแผ่นฟิล์มท่ีใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ Li-ion ท่ีมีแนวโน้มเติบโตสูง

Our View

  • เราปรับ PBV ลงจาก 2.0 เท่า เป็น 1.7 เท่า เพื่อสะท้อน 1) ROE ท่ีลดลงหลังจากการปรับประมาณการ และ 2) ความเสี่ยงในการเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯท่ีอาจกดดัน ผลประกอบการของ AJ ในปี 2565
  • เราจึงได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 20.00 บาท/หุ้น มี Upside +15.6% คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปรับประมาณการปี 2564-65 ลง

เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2564 ลงราว 13% เป็น 589 ล้านบาท (+21% YoY) เพื่อสะท้อนผลประกอบการใน 3Q64 ท่ีต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นผลมาจากการท่ีบริษัทฯไม่สามารถส่งมอบสินค้าบางส่วนในช่วงท่ีมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเราปรับสมมติฐานกำไรขั้นต้นของปี 2564 ลงเป็น 12.5% จาก 1) อัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q64 ท่ี 10.1% และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q64 ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ แต่ยังไม่กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับใน 1H64 เนื่องจากภาวะการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ในช่วง 4Q64 ทำให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ แม้ในปี 2565 บริษัทฯจะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง (ปรับสมมติฐานค่าเงินบาทปี 2565 จาก 33.00 บาท/ดอลลาร์เป็น 34.00 บาท/ดอลลาร์) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น YoY จากราคาน้ำมันท่ีมีความผันผวนน้อยลง แต่เราปรับประมาณการปี 2565 ลงราว 10% เป็น 632 ล้านบาท (+7% YoY) จาก 1) ราคาน้ำมันท่ีมีแนวโน้มปรับตัวลงในปี 2565 จะส่งผลให้คำสั่งซื้อบางส่วนชะลอออกไป (ลูก ค้าชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอราคาท่ีถูกลง) และ 2) ปรับระยะเวลาเริ่มรับรู้รายได้จากกำลังผลิตใหม่ให้อนุรักษ์นิยมมากขึ้น

คาดเติบโตแม้ไม่มี COVID

จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์กลุ่มฟิล์มพลาสติกมีความต้องการสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามองว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวจะยังมี Demand เติบโตสูง แม้ COVID-19 คลี่คลายลง เนื่องจากผู้บริโภคจะให้ความสำคัญด้านของความสะอาดของสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้การขยายกำลังการผลิตของประเทศต่างๆ ยังคงทำได้ช้ากว่าการขยายตัวของ Demand เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้การก่อสร้าง รวมถึงการขนส่งล่าช้า อีกทั้งบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตแผ่นฟิล์มท่ีใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ Li-ion ร่วมกับบริษัทในต่างประเทศ โดยแผ่นฟิล์มที่ใช้งานจะเป็นแผ่นฟิล์มชนิด BOPA ซึ่งมีผู้ผลิตไม่มากในไทย ดังนั้น หากมีการผลิตแผ่นฟิล์มดังกล่าวขึ้นจริง จะเป็น Upside ให้กับผลประกอบการของบริษัทฯในระยะยาว จากความต้องการของแบตเตอรี่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการเติบโตของอุตสาหกรรม EV และการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำของประเทศ โดยคาดการสนับสนุนของรัฐจะส่งผลให้มีการผลิตแบตเตอรี่ในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้นตามไปด้วยเพื่อลดต้นทุน และรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่

ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 20.00 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

เราจึงมีการปรับ PBV ลงจาก 2.0 เท่า เหลือ 1.7 เท่า (ค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 10 ปี +1SD) เพื่อสะท้อน 1) ROE ของปี 2564-65 ที่ลดลงหลังจากการปรับประมาณการ และ 2) ความเสี่ยงในการเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหัรฐฯ เนื่องจาก AJ มีการส่งสินค้าไปขายที่ตลาดสหรัฐฯในสัดส่วนน้อย และมีโอกาสที่สินค้าจากจีนซึ่งเดิมส่งไปขายในสหรัฐฯจะถูกนำมาขายในตลาดเอเชีย ซึ่งเป็นภูมิภาคหลักที่ AJ มีการส่งสินค้าไปขาย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 มีโอกาสถูกกดดันจากประเด็นดังกล่าวได้ ดังนั้น เราจึงได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 20.00 บาทต่อหุ้น มี Upside +15.6% คงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -