โอมิครอนในไทยช่วงปีใหม่ การระบาดอาจเร่งตัวแต่ไม่เท่าเดลต้า

สำหรับมุมมองการลงทุนในปีหน้า เราให้น้ำหนักมากขึ้นเล็กน้อยในตลาดหุ้นทั่วโลก (Slightly Overweight) จากการเปิดเศรษฐกิจ/สภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นและกำไรสุทธิที่ขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2565 หากพิจารณาตลาดหุ้นรายประเทศ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป ญี่ปุ่นและจีน โดยคาดว่าสภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่งในปี 2565 หนุนจากนโยบายทางการเงินแบบ dovish และนโยบายการคลังที่มากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่อง Green และ Digital transformation รวมถึงมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ ขณะที่ฝั่งจีนถึงแม้สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่เรามองว่าตลาดหุ้นจีนน่าสนใจสะสมลงทุนระยะกลาง-ยาว จากสภาวะเศรษฐกิจที่คาดจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีหน้าจากการผ่อนคลายด้านนโนบายและฐานที่ต่ำ

สำหรับการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนแยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม เราชอบกลุ่มการเงินจากอัตราตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และ EV จากนวัตกรรมพลังงานสีเขียว เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงหุ้นกลุ่ม Global Healthcare เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงจำกัด กำไรเติบโตสม่ำเสมอ มูลค่าหุ้นน่าสนใจและราคาหุ้นยัง laggard ตลาดโดยรวม

ขณะที่เราให้น้ำหนักน้อย (Underweight) ต่อกลุ่มตราสารหนี้ทั่วโลกจากอัตราตอบแทนพันธบัตรที่มีแนวโน้มขาขึ้นในปี กดดันราคาพันธบัตรรัฐบาล อย่างไรก็ตามเรายังมองเป็นกลางในตราสารหนี้เอกชน ทั้งกลุ่ม Investment grade และกลุ่ม high yield จากวัฏจักรเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงการขยายตัวส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระต่ำ สำหรับสินทรัพย์ทางเลือก เราให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Slightly Underweight ต่อทองคำซึ่งยังคงถูกกดดันต่อเนื่องจากทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและแนวโน้ม Real Yield ขาขึ้น ขณะที่น้ำมันเรามีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งและอุปทานที่ตึงตัวในระยะสั้นจะยังช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบ Brent ให้ทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่เราคาดว่าหลังผ่านช่วงหน้าหนาวไปในไตรมาสสี่ราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะเริ่มปรับตัวลดลงในช่วงปลาย Q1 ถึงต้น Q2 ของปีหน้า

ปัจจัยภายในประเทศ: สถาณการณ์การระบาดโควิดในประเทศดูดีขึ้นต่อเนื่อง โดยการฉีดวัคซีนสัปดาห์ล่าสุดเร่งตัวขึ้นเป็น 2.4-2.8 ล้านโดสต่อสัปดาห์ ทำให้มีการฉีดเข็ม 1 ล่าสุดมีสัดส่วนเป็น 70.8% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ส่วนเข็ม 2 คิดเป็น 63% และเข็ม 3 คิดเป็น 8.6% ของจำนวนประชากรทั้งหมด สำหรับเคสอาการหนักและจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ในทิศทางปรับตัวลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามติดตามสถาณการณ์โอมิครอนในไทยที่เริ่มเห็นการแพร่ระบาดเร่งตัวขึ้น ขณะที่เทศกาลช่วงปีใหม่อาจเร่งการติดเชื้อได้ ทั้งนี้เรายังมีมุมมองให้น้ำหนักไปทางโอมิครอนไม่น่าจะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตในประเทศเร่งตัวอย่างมีนัยยะและคาดว่าสายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มทำให้โควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นในที่สุด

มุมมองตลาดหุ้น คาด SET 1630-40 หุ้นแนะนำ AMANAH, CK

AMANAH (ราคาพื้นฐาน 6.40 บาท) ความเสี่ยงจากเพดานดอกเบี้ยของ สคบ.ลดลง การผนึกกำลังกับ iBank การถูกรับรู้ และการเปิดสาขาใหม่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโต คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะอยู่ที่ 335 ลบ. และ 382 ลบ.ในปี 2566 จากการเติบโตของสินเชื่อที่ 14.1% และ 13.6% ตามลำดับ

CK (ราคาพื้นฐาน 29.67 บาท) คาดว่าจะลงนามโครงการรถไฟรางคู่ในไตรมาส 4/2564 โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำของ CKP ในปี 2565 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะเปิดประมูลไตรมาส 1/2565. แนะนำซื้อจาก backlog ที่เติบโตดีและ holding discount ที่ลดลงหากจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตาม รายงานสรุปความคิดเห็นของธนาคารกลางญี่ปุ่น, กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีน (ปีต่อปี) (พ.ย.)

วันอังคาร ติดตาม รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (CB Consumer Confidence) (ธ.ค.)

วันพุธ ติดตาม ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย (เดือนต่อเดือน) (พ.ย) US ตลาดคาด 0.6%

วันพฤหัส ติดตาม ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (ปีต่อปี) (พ.ย.) EU ตลาดคาด 2.1% วันศุกร์ ติดตาม ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ธ.ค.) ตลาดคาด 49.6, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) นอกภาคการผลิตของจีน (ธ.ค.)

- Advertisement -