บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

SIAM CITY CEMENT คาดหวังปันผลเต็มปี

Action

BUY (Upgrade)

TP upside (downside) +14.7%

Close Dec 27, 2021 Price (THB) 153.50

12M Target (THB) 176.00

Previous Target (THB) 195.00

What’s new?

  • ต้นทุนถ่านหินท่ีพุ่งขึhoอย่างมากในปีนี้ จะส่งผลต่อ GPM ในปี 2565 เพราะบริษัทฯ ทำสัญญาราคาถ่านหินล่วงหน้า 6-9 เดือน
  • ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลง 13% สะท้อนราคาพลังงานท่ีสูงขึ้น
  • อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม 4Q64 คาดฟื้นตัว QoQ เพราะ 1) อุปสงค์ดีขึ้นหลังผ่านฤดูฝน 2) ไม่ถูกกดดันจากมาตรการปิด Site ก่อสร้าง 3) ตลาดปูนต่างประเทศทยอยฟื้นตัว

Our View

  • แม้ปี 2565 จะถูกกดดันจากต้นทุนพลังงานสูงขึ้น แต่คาดกำไรปกติ +9% YoY ตามภาวะเศรษฐกิจ, การผ่อนคลายมาตรการควบคุม, การเร่งก่อสร้างโครงการภาครัฐท่ีอนุมัติไปแล้ว, และการทยอยปรับขึ้นราคาปูนชดเชยต้นทุนถ่านหิน
  • เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” เพราะราคาหุ้นมี Valuation ไม่แพง, งบ 4Q64 ฟื้นตัว, และราคาปัจจุบันมี Upside gain น่าสนใจ พร้อมรับเงินปันผลงวดปี 2564 เต็มปี Yield สูง 5.2% (จ่ายคร้ังเดียว)

ปรับปรุงสมมติฐานสะท้อนต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น

สถานการณ์อุปทานพลังงานตึงตัว ส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตปูนซีเมนต์ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาถ่านหินนิวคาสเซิล +110% YTD มาเฉลี่ยที่ US$ 135/ตัน เป็นปัจจัยกดดันอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ตั้งแต่ 3Q64 ต่อเนื่องปี 2565 อ้างอิงแนวทางทำสัญญาซื้อขายถ่านหินในอดีต บริษัท ฯ จะทำสัญญาราคาถ่านหินล่วงหน้า 6-9 เดือน โดย 70% ของปริมาณถ่านหินใช้จะถูกกำหนดราคาช่วงสิ้นปี ส่วนอีก 20% จะเกิดขึ้นช่วง 1Q65 และที่เหลือ 10% เป็นราคาตลาด อย่างไรก็ตาม สำหรับปีนี้เราคาดว่าบริษัท ฯ อาจชะลอทำสัญญาราคาถ่านหินช่วงปลายปีออกไปบางส่วน เพื่อรอดูสถานการณ์ราคาตลาดในปีหน้า เราปรับปรุงสมมติฐานต้นทุนถ่านหินปี 2564-2565 ให้รัดกุมมากขึ้น ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 3.8 พันล้านบาท เติบโต +4% YoY (จากการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลในประเทศศรีลังกา จะสามารถชดเชยสมมติฐานยอดขาย และ GPM ที่ระมัดระวังขึ้นได้) ส่วนปี 2565 เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิลง 13% เป็น 3.5 พันล้านบาท -9% YoY อ้างอิงอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30% (เดิม 32.8%) สะท้อนการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน

4Q64 ได้แรงหนุนการฟื้นตัวตามฤดูกาล

แม้ว่า GPM ใน 4Q64 จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนถ่านหิน และเหตุการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในช่วงต้นไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่ากำไรสุทธิ 4Q64 จะขยายตัว QoQ หนุนจาก 1) ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศดีขึ้น หลังผ่านช่วงฤดูฝน และการปิด Site ก่อสร้างในไตรมาสที่ผ่านมา 2) การทยอยปรับขึ้นราคาขายปูนซีเมนต์เพื่อชดเชยต้นทุนการผลิต 3) ตลาดปูนในต่างประเทศดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะศรีลังกาบังกลาเทศ และ 4) ส่วนแบ่งกำไรจาก LANNA ระดับสูงตามราคาถ่านหิน

ปี 2565 ตลาดปูนฟื้นตัว … คาดหวังการปรับราคาขายลดผลกระทบต้นทุน

มองข้ามไปปี 2565 เราประเมินว่าผลการดำเนินงานปกติจะสามารถขยายตัว +9% YoY โดยสาเหตุหลักมาจากการปรับตัวขึ้นของยอดขาย สอดคล้องความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ, กิจกรรมก่อสร้างราบรื่นหลังสถานการณ์ Covid คลี่คลายไปในทางที่ดี, การเร่งผลักดันก่อสร้างโครงการภาครัฐที่อนุมัติไปก่อนหน้า และโครงการที่คาดว่าจะอนุมัติในปีหน้า เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, โครงการในพื้นที่ EEC, รถไฟทางคู่, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สนามบินอู่ตะเภา ฯลฯ รวมทั้งคาดว่าอุปสงค์ที่ฟื้นตัวจะทำให้บริษัท ฯ สามารถขยับราคาขายปูนซีเมนต์เพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ช่วยลดแรงกดดันจาก GPM ได้บางส่วน

Valuation ไม่แพง พร้อมเงินปันผลสูง…เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

จากการปรับประมาณการข้างต้น เราปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 เป็น 176.00 บาท (เดิม 195.00 บาท) อ้างอิง PER ที่ 15.0 เท่า (คงเดิม) ซึ่งมีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปี -1.0 SD นับตั้งแต่ประกาศงบ 3Q64 ราคาหุ้น -9% สะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นไปบ้างแล้ว ปัจจุบันซื้อขายบน PER ไม่แพง 13.1 เท่า, แนวโน้มอุปสงค์ปูนซีเมนต์มีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีใน 4Q64-2565, ราคาปัจจุบันมี Upside gain 14.7% พร้อมรับเงินปันผลงวดปี 2564 เต็มปี คาด Yield 5.2% (สูงกว่าปกติเพราะจ่ายครั้งเดียว) จากเหตุผลข้างต้นเราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

- Advertisement -