Daily Focus – Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index แกว่งแคบตามทิศทางตลาดหุ้นโลก บวกสูงสุด 5 จุด ลบมากสุด 4 จุด สิ้นวันปิดที่ 1,636.50 จุด ลบ 0.72 จุด ปริมาณการซื้อขายเบาบางเพียง 5.1 หมื่นลบ. หุ้นขนาดเล็กปรับได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ สถาบันในประเทศขายต่อเนื่องในตลาดหุ้น 1,893 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อต่อเนื่อง 1,402 ลบ. (แต่ Short Index Futures ต่อเนื่องอีก 9.1 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่ง Sideways Up ในกรอบ 1,632-1,645 จุด โดยคาดกลุ่มพลังงานหนุนตลาดระยะสั้น หลังราคานํามันดิบฟื้นตัวแรง รวมถึงบรรยากาศการลงทุนโดยรวมคลายกังวลจากโอมิครอนอย่างต่อเนื่อง แม้จะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่พุ่งขึ้น แต่ตลาดให้นํ้าหนักกับความรุนแรงที่ต่ำ และโอกาสเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยกว่าเดลต้า ทำให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจคาดว่าค่อนข้างจํากัด ส่วนสถานการณ์ในประเทศ แม้ สธ. จะระบุว่ากรณีแย่สุดอาจเห็นผู้ติดเชื้อวันละ 3 หมื่นราย แต่เรามองว่าตลาดจะไม่ตอบรับเชิงลบอย่างหนักเหมือนการระบาดระลอกที่ผ่านๆ มา โดยรวมยังสอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวในปี 2022 กลยุทธ์จึงยังแนะนำ “ถือลงทุน” ส่วนที่สะสมไปแล้วตามระดับต่างๆ ส่วนระยะสั้นคาดหุ้นขนาดกลาง-เล็กจะปรับตัวได้ดี จากมูลค่าการซื้อขายที่จะค่อยๆบางลง หลังเข้าใกล้วันหยุดปีใหม่

กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงกระทบจาก COVID-19 จํากัด

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BCH, JWD, MEGA, NSL, SYNEX

หุ้นเด่นวันนี้: ORI

  • แนะนำ “ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท
  • ยังคงมุมมองบวกต่อการเติบโตระยะยาวสําหรับ ORI ที่จะเป็นมากกว่าบริษัทอสังหาฯ จากการการต่อยอดลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องใหม่ๆ ทั้งโลจิสติกส์การแพทย์ กัญชง บริหารสินทรัพย์พลังงานร่วมกับ Partner ในแต่ละอุตสาหกรรม
  • ระยะสั้นโมเมนตัมกำไร 4Q21 คาดเร่งตัวขึ้นเด่น Q-Q และ Y-Y และเป็นจุดสูงสุดของปี จาก Backlog รอโอน 4.3 พันลบ. รวมถึงสต๊อกในมือที่สูง ทำให้ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV
  • แนวรับ 11.20-11 บาท แนวต้าน 11.80-12 บาท

หมายเหตุ: FSS เป็นผู้จัดจําหน่ายหุ้น IPO ของ BRI โดย BRI เป็นบ. ย่อยของ ORI

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนยังคไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$ 646 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$ 472 ล้าน ส่วนอาเซียนโดยรวมไหลเข้าเกือบทุกประเทศ นําโดยไทย US$ 42 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าจากเม็ดเงินที่ยังเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง และคลายกังวลโอมิครอนที่อาการติดเชื้อไม่รุนแรง และคาดกระทบเศรษฐกิจจํากัด

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) กลุ่ม Home Improvement เราคาดกําไร 4Q21 เติบโต 39.4% Q-Q, 21.9% Y-Y หลักมาจาก HMPRO ที่คาดทำไรกลับมาฟื้นแรง Q-Q ราว 83.9% QQ ส่วนในแง่ Y-Y คาดเติบโตได้ทั้ง 3 บริษัท จากฐานต่ำปีก่อน โดยคาด SSSG 4Q21 เป็นบวกได้ทั้ง DOHOME +35%, GLOBAL +12%, HMPRO +10% Y-Y และคาดแนวโน้มกําไร 1H22 HMPRO จะเติบโตสูง Y-Y ขณะที่ GLOBAL DOHOME อาจทําได้เพียงทรงถึงโตเล็กน้อย Y-Y จากฐานกำไรปี 2021 ที่สูง เพราะถูกกระทบ COVID จํากัด และได้ผลบวกจากราคาเหล็กที่สูงขึ้น และคาดกําไร 2022 จะโตในอัตราที่ชะลอตัวเพียงตัวเลขหลักเดียว 5-7% มีเพียง HMPRO ที่คาดจะกลับมาโตดีขึ้น +21.8% เราเลือก HMPRO เป็น Top Pick ของกลุ่ม Home Improvement

(+) ITEL เรายังคงคาดกําไร 4Q21 +52% Q-Q, +169% Y-Y ทําจุดสูงสุดของปีที่ 96 ลบ. และทําให้กําไรปกติทั้งปี +54% Y-Y บริษัทกำลังเจรจากับ Cloud operator รายใหญ่ระดับโลกให้มาใช้ Genesis data center ของบริษัท คาดเห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้ ส่วน Data Center แห่งแรกที่มีผู้เช่าเต็มแล้วเตรียมขายเข้ากอง REIT 1Q22 หลังหมดโควิด ผลประกอบการเข้าสู่การเติบโตเต็มที่ ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท

(0) ZIGA บอร์ดบริษัทอนุมัติให้ออกหุ้นกู้ 4 พันลบ. เพื่อเตรียมประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขาย Crypto Currency ให้คำปรึกษาด้านโปรแกรมและซอฟท์แวร์ การพัฒนาเกมออนไลน์ ธุรกิจใหม่นี้เป็นสิ่งที่ต้องติดตามความสำเร็จต่อไป เนื่องจากไม่ได้อยู่ในความชำนาญของบริษัท คาดว่าจะต้องหาพาร์ทเนอร์ ลำพังธุรกิจผลิตและจําหน่ายเหล็กชุบสังกะสีเราเชื่อว่าผ่านการเติบโตก้าวกระโดดไปแล้ว (คาดก่าไรปี 2021 +80%) พอๆ กับราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนโลกที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 4.80 บาท มี downside ยังไม่น่าสนใจลงทุน

(0) ปลายสัปดาห์มี Rebalance SET50 / SET100 งวด 1H22 โดยหุ้นที่เข้า SET50 ได้แก่ AWC TIDLOR BANPU หุ้นออก ได้แก่ BJC DELTA STA ส่วนหุ้นเข้า SET100 ได้แก่ AWC BLA BPP EPG KEX RCL SIRI STARK TIDLOR STA ส่วนหุ้นออก SET100 ได้แก่ DELTA BJC PSL JAS PTL PRM ICHI AAV NRF TKN

(+) ตลาดดาวโจนส์ปิดที่ 36,302.38 จุด เพิ่มขึ้น 351.82 จุด หรือ 0.98% หลังจากบริษัท มาสเตอร์การ์ด อิงค์มีรายงานว่ายอดค้าปลีกของสหรัฐในช่วงเทศกาลตั้งแต่วันที่ 1 พ. ย. จนถึงวันที่ 24 ธ.ค. ปรับขึ้น 8.5% โดยได้แรงหนุนจากยอดขายสินค้าทางออนไลน์ที่เร่งขึ้น 11% และร้านค้าต่างเสนอโปรโมชั่นในช่วงเทศกาล รวมถึงผลวิจัยจากหลายสถาบันที่ระบุว่าไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกท่ามกลางการซื้อขายอย่างเบาบาง หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเฮลท์แคร์

(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์

(0) ค่าเงินบาท แกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์หรือ 2.4% ปิดที่ 75.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ามันทั่วโลกในปีหน้า

(-) ราคาทองคํา COMEX ลดลง 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,808.8 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 973.63 / +-

- Advertisement -