สถิติชี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มสดใสช่วงต้นปี

ตลาดต่างประเทศ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปทรงตัวในวันสุดท้ายของปี ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง หลายสถิติข้อมูลในอดีตบ่งชี้แนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นต่อในต้นปีหน้า โดยอีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจตั้งแต่ปี 1973 พบว่าดัชนี S&P500 หากปีไหนที่เดือนธันวาคมมีความผันผวนสูงที่สุดใน 12 เดือนของปีนั้น มีโอกาสสูงถึง 80% ที่ผลตอบแทนในเดือนมกราคมของปีถัดไปจะเป็นบวก โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +2.9% ซึ่งเราคาดว่าสำหรับรอบนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจจะปรับตัวขึ้นต่อช่วงต้นปีตามสถิติในอดีต หลังโอมิครอนดูคลายความกังวลลงไปและจะเริ่มมีปัจจัยเรื่องการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเข้ามาสนับสนุน

เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 2.58% ในปีนี้ ชะลอลงจาก 2.91% ในปี 2563   สำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) รายงานการฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2564 จากการส่งออกที่แข็งแกร่งช่วยชดเชยผลกระทบทางเศรษฐกิจจากผลพวงการระบาดของโควิดได้บางส่วน และทางการเริ่มต้นยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางในเดือนต.ค. โดย GDP ขยายตัว 5.22% ในไตรมาส 4 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งฟื้นตัวขึ้นจากการหดตัว 6.02% ในไตรมาส 3 ทั้งนี้เวียดนามกำหนดเป้าหมายการเติบโตทาง GDP เอาไว้ที่กรอบ 6.0-6.5% สำหรับปี 2565 โดยเรามองว่าตลาดหุ้นเวียดนามเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจลงทุนจากการฟื้นตัวจากการเปิดเมือง การเติบโตกำไรบริษัทที่แข็งแกร่งในปีหน้า EPS growth 22E ที่ 24% และระดับมูลค่าที่ไม่แพงที่ FWD P/E 13.7 เท่า

ตลาดภายในประเทศ: สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงต้นปีหน้าอาจมีความเสี่ยงจากแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดการถือครอง 7 ปีปฏิทิน (ซื้อปี 2559) รวมถึงข่าวการเก็บภาษีซื้อขายหุ้นที่อาจกดดันตลาดหุ้น รวมถึงความเสี่ยงที่ภาครัฐอาจมีการยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มเติมหลังปีใหม่ หากพบจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเร่งตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามหากตลาดหุ้นปรับตัวย่อลงมาจากปัจจัยกดดันดังกล่าว เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมลงทุนในธีมการลงทุนของเราดังต่อไปนี้

1) กลุ่ม Tech consult (BE8, BBIK) รับการทำ digital transformation ขององค์กรต่างๆในปีหน้าที่คาดว่าจะเร่งตัวสูงขึ้น

2) Anti-commodity (EPG, PTG, CBG, BGRIM, SCGP) รับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เราคาดว่าน่าจะชะลอตัวลงในปีหน้า หนุนให้ต้นทุนของบริษัทดังกล่าวลดลง

3) Easing Chip shortage (SVI, SAT, DELTA) รับปัญหาการขาดแคลนชิฟในปีหน้าที่เราคาดว่าจะค่อยๆดีขึ้น หนุนการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ฟื้นตัว

4) Refinery (SPRC) ตามมุมมองของเราที่แนะนำให้เปลี่ยนการลงทุนจากกลุ่มต้นน้ำมากลุ่มโรงกลั่น

5) Limited downside (TTB, BAM) เป็นกลุ่มที่เราคาดว่าจะมี downside จำกัดเมื่อเทียบระดับราคาและมุมมองการฟื้นตัวในระยะข้างหน้า

มุมมองตลาดหุ้น คาด SET 1650-55 หุ้นแนะนำ OSP

Top pick: OSP (ราคาพื้นฐาน 38.00 บาท). คาดกำไรสุทธิเติบโตขึ้น QoQ ในไตรมาส 4 หนุนจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดเมืองและมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐ

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพฤหัสติดตาม ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (ปีต่อปี) (พ.ย.) EU ตลาดคาด 2.1% วันศุกร์ ติดตาม ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ธ.ค.) ตลาดคาด 49.6, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) นอกภาคการผลิตของจีน (ธ.ค.)

- Advertisement -