Daily Focus – Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวบวกได้ดีต่อเนื่องอีก 4.29 จุดในวันทำการสุดท้ายของปี 2021 แม้การระบาดของโอมิครอนจะทยอยเร่งตัวขึ้น สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 3.6 พันลบ. (และ Long Index Futures 6.1 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,550-1,565 จุด โดยอาจมีแรงกดดันจากเม็ดเงิน LTF ที่ซื้อเมื่อปี 2016 ที่ครบกำหนด 7 ปี และเริ่มขายได้ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม คาดผลกระทบเป็นเพียงระยะสั้น ขณะที่สถานการณ์ระบาดของโอมิครอนแม้จะเริ่มลุกลาม แต่จากความรุนแรงของโรคที่ต่ำ ทำให้เราประเมินว่าตลาดจะไม่ตอบรับเชิงลบอย่างมีนัยยะ โดยเฉพาะหากภาครัฐไม่มีการกลับมาใช้มาตรการ Lockdown ซึ่งทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2022 คาดว่ายังฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และเร่งตัวขึ้นจากปี 2021 ในเชิงกลยุทธ์จึงยังแนะนำ “ถือลงทุน” ต่อเนื่อง ส่วนที่สะสมไปแล้วช่วงปรับฐานปีก่อนบริเวณต่ำกว่า 1,600 จุด ส่วนระยะสั้นยังเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : CK, EA, HMPRO, KBANK, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: HMPRO

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 18.30 บาท
  • เราคาด HMPRO จะเป็นหุ้นในกลุ่ม Home Improvement ที่มีกำไรเติบโตแข็งแรงที่สุดในปี 2022 ที่ +22% Y-Y ตามการ Reopening และฐานที่ต่ำในปี 2020-2021 ระยะสั้นคาดกำไร 4Q21 ฟื้นตัวดีจาก SSSG เบื้องต้นที่คาดฟื้นตัวสูงกว่า +10% Y-Y และคาดโดดเด่นต่อเนื่องใน 1Q22 และได้อานิสงส์จากมาตรการช้อปดีมีคืน
  • แนวรับ 14.40-14.20 บาท แนวต้าน 14.80-15 // 15.40 บาท

Fund Flow:

ปี 2021 กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาครวม US$ 4 หมื่นล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$ 2.3 หมื่นล้านและ US$ 1.6 หมื่นล้าน ตามลำดับ ส่วนตลาดอาเซียนไหลออก นำโดยเวียดนาม US $ 2.5 พันล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$ 8.3 พันล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนในปี 2022 มีโอกาสเริ่มพลิกกลับมาไหลเข้าอีกครั้ง ตามภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเงินเฟ้อ และ Valuation ที่ไม่กดดันเท่าฝั่งสหรัฐฯ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลยุทธ์การลงทุนเดือน ม.ค. 22 เราให้น้ำหนักบวกกับการเคลื่อนไหวของ SET Index ในกรอบ 1,600-1,700 จุด จากสถิติในอดีตที่มักให้ผลตอบแทนเป็นบวก ขณะที่โอมิครอนเราประเมินกระทบต่อดัชนีและเศรษฐกิจ จำกัด จากความรุนแรงที่ต่ำ ส่วนแรงขาย LTF ที่ครบกำหนด 7 ปี เรามองกระทบเพียงช่วงสั้น และให้น้ำหนักกับ Fund Flow ที่มีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่องตามภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เช่นเดียวกับผลประกอบการ 4Q21 ของบริษัทจดทะเบียนเริ่มที่กลุ่มธนาคารที่ไม่เป็นปัจจัยกดดัน และระยะสั้นคาดได้อานิสงส์จากมาตรการช้อปดีมีคืนและกระตุ้น EV  กลยุทธ์แนะนำ “ถือลงทุน” หลังให้สะสมช่วงพักตัวไปแล้ว ส่วนหุ้นแนะนำเดือนเดือนนี้เน้น Domestic Play ได้แก่ CK EA HMPRO KBANK ORI

(+) ยืนยัน SET Target ปี 2022 ที่ 1,770 จุด อ้างอิง EPS 96 บาท และ Target PER 18.5 เท่า โดยให้น้ำหนักเชิงบวกมากที่สุดต่อเศรษฐกิจไทยที่คาดฟื้นตัวในอัตราเร่งราว +4% Y-Y จากทุกเครื่องยนต์ โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุน ส่วนด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลดลง เรามองไม่ได้กดดันอย่างมีนัยยะ นโยบายการเงินของ ธปท. คาดยังผ่อนคลาย ขณะที่ Fund Flow มีแนวโน้มพลิกมาไหลเข้า เรามองว่าปี 2022 จะเป็นปีที่กลุ่ม Domestic Play ตามภาพเศรษฐกิจในประเทศ และจะสามารถ Outperform กลุ่ม Global Play ที่ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลาง COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก อาหาร รับเหมาฯ ซึ่งราคายังค่อนข้าง Laggard เทียบกับช่วงก่อน COVID-19

(0) LTF กลับมาขายได้หลังครบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งมีเม็ดเงินซื้อกองทุนในปีดังกล่าวราว 5-6 หมื่นลบ.  และหากอิงระดับดัชนีเฉลี่ยในปี 2016 เทียบกับปัจจุบันจะมีผลตอบแทนราว 12.5% ทำให้ระยะสั้นอาจมีแรงขายออกมากดดันบ้างในช่วงต้นปี อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะมีเม็ดเงินบางส่วนถูกนำกลับมา Recycle ลงทุนใน SSF และ RMF อีกครั้ง ทำให้ภาพรวมเราประเมินผลกระทบจำกัด

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 246.76 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 36,585.06 จุด หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน หลังจากผลการวิจัยระบุว่า แม้ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่ระบาดรวดเร็ว แต่มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, การขยายตัวของผลประกอบการและการฉีดวัคซีน

(+) ตลาดเอเชีย ปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงเล็กน้อยล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 87 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 76.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่าโอเปกพลัสจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงปัจจุบันในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ.

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 28.5 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 1,800.1 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 975.66 / +-

- Advertisement -