KS Daily View 05.01.2022 >>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการทำ sector rotation จากหุ้นกลุ่ม growth สู่หุ้นกลุ่ม value/ สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังประชุม OPEC+ มีมติตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน/ คาด SET 1665-80 หุ้นแนะนำ BLA, DCC

ปัจจัยต่างประเทศ: Fed Watch Tool ส่งสัญญาณ Fed ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น โดยความน่าจะเป็นที่จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนมีนาคมนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะจากที่ประมาณ 40% หลังการประชุม Fed รอบที่แล้ว (15 ธ.ค.21) มาเป็นที่ประมาณ 60% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ระดับ 1.65% จากระดับ 1.50% ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการทำ sector rotation จากหุ้น growth มาสู่หุ้นกลุ่ม value กดดันดัชนี NASDAQ ที่มีน้ำหนักของหุ้นกลุ่มเติบโตและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสูงปรับตัวลง -1.33% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเปิดเมืองปรับตัวขึ้นจากปัจจัยดังกล่าว ทั้งนี้เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับ sentiment บวกดังกล่าวเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ. ตามที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยข้อตกลงเดิมซึ่งชาติสมาชิกโอเปกพลัสได้ทำร่วมกันในเดือนก.ค. 2564 ระบุว่า โอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในแต่ละเดือน จนถึงเดือนเม.ย.2565 ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นระยะสั้น อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองเดิมต่อราคาน้ำมันดิบว่าจะค่อยๆปรับตัวลดลงจากปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลกที่คาดว่าจะเปลี่ยนจาก deficit (demand มากกว่า supply) เป็น surplus (demand น้อยกว่า supply) ได้ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ โดยเรามีมุมมองเป็นกลางต่อ sector พลังงาน โดยมี Top picks เป็น SPRC, PTT, PTG, IVL

ปัจจัยภายในประเทศ: ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2565 ยังเป็นปีที่ท้าทาย การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลน่าจะขยายตัวประมาณ 1.8%-7.3% จากที่คาดว่าจะหดตัวในปี 2564 ขณะที่การลงทุนโครงการใหม่น่าจะยังทำได้จำกัด เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยยังมีอุปทานสะสมรอขายสูง การแข่งขันในตลาดสูงขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชาชนที่เปลี่ยนไปจากโควิด ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเลือกเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามพฤติกรรมมากขึ้น (Behavioral Targeting) จากเดิมที่เน้นด้านทำเลเป็นสำคัญ นอกจากนี้คาดว่าผู้ประกอบการน่าจะเน้นเจาะกลุ่มตลาดกลาง-บน ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูงโดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยว เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง อีกทั้งยังสามารถรับรู้รายได้เร็ว ขณะที่โครงการคอนโดน่าจะเห็นการกลับมาเปิดตัวเพิ่มขึ้นแต่ยังต่ำกว่าระดับในช่วงก่อนโควิดโดยเจาะทำเลในแหล่งชุมชนมากขึ้น ระดับราคาประมาณ 3 ล้านบาท ต่างจากเดิมที่เน้นโครงการแนวรถไฟฟ้า ทั้งนี้เราเลือก LH, ORI, AP และ SPALI ที่มีความยืดหยุ่นและเป็นผู้ชนะที่จะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่องเป็น Top pick ในกลุ่มที่อยู่อาศัย

มุมมองตลาดหุ้น คาด SET 1665-80 หุ้นแนะนำ BLA, DCC

Top pick: BLA (ราคาพื้นฐาน 41.00 บาท). คาดงบไตรมาส 4 จะออกมาแข็งแกร่งจากการเปิดตัว product ใหม่และการกลับมาเปิดสาขาธนาคาร รวมถึงได้ sentiment บวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น.
DCC (ราคาพื้นฐาน 3.70 บาท). เป็นหุ้น defensive และจ่ายเงินปันผลสูง เราคาดว่า 4Q21 จะขยายตัว 13.1% YoY และ 11.6% QoQ โดยมองว่าจุดต่ำสุดของกำไรผ่านพ้นไปแล้วและแนวโน้มกำไรดีขึ้นในปีนี้.

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพุธ ติดตาม ตัวเลข Markit Service PMI ของยูโรโซน เดือน ธ.ค. ตัวเลข Markit Service PMI ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และ FOMC minutes

วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข Caixin Service PMI ของจีนเดือน ธ.ค. คาด 52.2 จุด ตัวเลข Inflation rate ของเยอรมันเดือน ธ.ค. คาด +5.2% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อน และตัวเลข ISM Non-manufacturing PMI ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 66.8 จุด (-3.3% MoM) และตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ

วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Inflation rate ของยูโรโซน เดือน ธ.ค. คาด +4.7% YoY (ลดลงจากระดับ 4.9% YoY เดือนก่อนหน้า) ตัวเลข Core inflation rate ของยูโรโซน เดือน ธ.ค. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. และอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค.

- Advertisement -