Daily Focus 2022 SET Target : 1770

Hold Let Profit Run//Selective Buy

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ยังปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่อง +12.66 จุด ณ สิ้นวัน หนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน อาหาร โรงไฟฟ้า เป็นต้น จากความกังวลโอมิครอนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากความรุนแรงต่ำและมีโอกาสเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 2.2 พันลบ. หลัง LTF ครบอายุ 7 ปี ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิเร่งตัวขึ้นเป็น 6.1 พันลบ. (แต่เริ่มพลิกมา Short Index Futures 5.5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,660-1,680 จุด โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจถูกขายทำกำไรระยะสั้นตามดัชนี NASDAQ ที่ปรับลง แต่คาดกลุ่ม Domestic และ Value Play จะยังคงเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างดี จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่เป็นขาขึ้น การประชุม OPEC+ วานนี้คงแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 4 แสนบาร์แรลต่อวันในเดือน ก.พ. แต่ราคาน้ำมันยังขยับขึ้นจาก Demand ที่ถูกกระทบจำกัดจากโอมิครอน ส่วนสถานการณ์ติดเชื้อในประเทศที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นหลังเทศกาลหยุดปีใหม่ ทําให้ระยะถัดไปอาจเห็นภาครัฐมีมาตรการควบคุมบางจุด แต่เราให้น้ำหนัก Lockdown ต่ำ ทำให้ผลกระทบต่อ SET Index และเศรษฐกิจในปี 2022 ยังจํากัด กลยุทธ์จึงยังแนะนำ “ถือลงทุน” ต่อเนื่องส่วนที่สะสมไปแล้วช่วงปรับฐานปีก่อนบริเวณต่ำกว่า 1,600 จุด ส่วนระยะสั้นยังเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์: ถือลงทุน Let Profit Run หลังสะสมไปแล้วที่ระดับต่ำกว่า 1,600 จุดปลายปีก่อน // เลือกลงทุนเป็นรายตัว

หุ้นเด่นเดือน ม.ค.: CK, EA, HMPRO, KBANK, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: ICHI

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท
  • คาดกําไร 4Q21 ฟื้นตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y หลังคลาย Lockdown และปัญหา Logistic ที่คลี่คลายรวมถึงกำลังเข้า High Season ใน 1H22 ซึ่งเป็นหน้าร้อน และอยู่ระหว่างเตรียมออกสินค้าใหม่ทั้งเครื่องดื่ม Carbonate และ CBD Drink
  • บริษัทมีแผนขยายการลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ Non Drink เพื่อสร้างโอกาสและต่อยอดการเติบโต เราคาดกําไรปี 2021 +5% Y-Y และเร่งตัว +20% Y-Y ในปี 2022 ปัจจุบันเทรด PER 19 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 25 เท่า
  • แนวรับ 9.90-9.85 บาทแนวต้าน 10.50-10.60 // 11 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคอีก US$ 969 ล้าน นำโดย ไต้หวัน US$ 923 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$ 119 ล้าน ส่วนตลาดอาเซียนเม็ดเงินยังค่อนไปในทางไหลเข้า นำโดยไทยอีก US$ 184 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า แต่จะบางลงระยะสั้น หลังเริ่มมีการทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นบางส่วน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่ม PF & REIT ในปี 2021 ให้ผลตอบแทน -2.5% แย่ที่สุดเพราะกองส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มห้างฯ และโรงแรม รวมถึงพฤติกรรม Search for Yield จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและสภาพคล่องที่ล้น อย่างไรก็ตาม เรามองว่าปี 2022 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวจากการ Reopening ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกเป็นขาขึ้น ทำให้ Earning Yield Gap แคบลง หนุนกลุ่ม PF & REIT จะเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เราใช้กลยุทธ์ Selective กองทุนที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยเดือน ม.ค. 22 เลือก AIMIRT ALLY DIF FTREIT HREIT เป็น Top Pick

(0) DOHOME แนวโน้มกำไร 4Q21 อาจต่ำกว่าที่เคยคาดจาก 450 ลบ. เหลือ 350-370 ลบ. จาก Product Mix ที่กด Gross Margin และค่าใช้จ่ายยังสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดกําไรจะกลับมาฟื้นใน 1H22 แต่จะยังลดลง Y-Y จากฐานสูงปีก่อนที่ได้อานิสงส์จากราคาเหล็ก บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 5 แห่งในปี 2022 เรายังคาดกําไรปี 2021 +157% Y-Y ส่วนปี 2022 คาด +6% Y-Y ขณะที่ผลบวกจากมาตรการช้อปดีมีคืนค่อนข้างจํากัด ระยะสั้นยังไม่มี Catalyst แต่ยังมองบวกต่อการเติบโตในระยะยาว ราคาหุ้นที่ปรับลงทําให้ Upside เปิดกว้างเทียบกับราคาเป้าหมาย 29 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุน”

(0) AOT ตัวเลข Operation ฟื้นตัวต่อเนื่องในทุกๆเดือนของ 4Q21 โดยล่าสุดจํานวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเดือน ธ.ค. 21 หดตัวเพียง -18% Y-Y และ -4% Y-Y นำโดยฝั่งของ Domestic ที่ฟื้นชัด ขณะที่ International ทยอยฟื้นอย่างช้าๆ หากเทียบกับ ธ.ค. 19 จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารรวมยัง -60% Y-Y และ -74% Y-Y ระยะสั้นคาด 4Q21 ขาดทุนลดลง Q-Q และดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2022 แต่ยังยืนยันมุมมองเดิมต่อการกลับมามีกำไรยังต้องรอปี 2023 ราคาเป้าหมายของ FSSIA ยังอยู่ที่ 79 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุนระยะยาว”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 214.59 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 36,799.65 จุด หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศอย่างหุ้นกลุ่มสายการบิน และกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน WTI อย่างไรก็ดี มีการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับลงเป็น 58.7 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนม.ค. 2021 และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 60.1 จาก 61.1 ในเดือนพ.ย.

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร จากการคาดการณ์เกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงิน รวมถึงหุ้นกลุ่มเดินทางหลัง COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนอาจจะมีความรุนแรงน้อยกว่าที่เคยกังวล

(0) ตลาดเอเชีย ปรับตัวผสม โดยตลาดหุ้นโตเกียวปรับลงจากความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 สูงขึ้นในญี่ปุ่น

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.22 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 91 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 76.99 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ. ตามที่ตลาดคาด ขณะที่ติดตาม EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้เวลา 22.30 น. ตามเวลาไทย ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 14.5 ดอลลาร์ หรือ 0.81% ปิดที่ 1,814.6 ดอลลาร์/ออนซ์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีรายงานดัชนีภาคการผลิตสหรัฐต่ำกว่าคาด

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 980.31 / +4.65

- Advertisement -