บล.เคจีไอ (ประเทศไทย): 

บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)

อุตสาหกรรมขนส่งระหว่างประเทศยังแรงต่อ

เราประเมินสถานการณ์การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจะยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ อย่างน้อยจนถึงช่วง High season ใน 3Q65 จากแนวโน้มเศรษฐกิจในหลายประเทศที่เริ่มฟื้นตัวในปีนี้ หลังวิกฤตโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งคาดจะยังมีการนำเข้าสินค้าอีกระลอก เพื่อรองรับ Demand ที่ฟื้นตัวขึ้นมา หลังจากที่มีการ Re-stock สินค้ารอบใหญ่ไปใน 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยพิจารณาได้จากอัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ (Shanghai Containerized Freight index) ที่ยังปรับขึ้นขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องใน 4Q64 แม้จะเป็น Low season ก็ตาม และเราคาดว่าอัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์จะยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องในปีนี้ เป็นผลจาก Demand ที่ยังสูง ขณะที่อุปทานใหม่จำกัด (ทั้งเรือและตู้)

รับอานิสงส์รถไฟ จีน-ลาว ผ่านความร่วมมือกับ China post

รถไฟจีน-ลาว (คุนหมิง-เวียงจันทน์) ที่เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา เราประเมินว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างไทย-จีน โดยมีลาวเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค เนื่องจากระยะเวลาการขนส่งสินค้าจะลดลงอย่างมาก เหลือเพียงราว 15 ชั่วโมง (จากเดิมการขนส่งทางรถยนต์ใช้ระยะเวลาราว 2 วัน)

เราประเมินว่าการที่ LEO เป็นพันธมิตรกับทาง China Post Yunnan (China Post) จะเป็น Catalyst สำคัญที่ทำให้ LEO ได้ส่วนแบ่งการบริหารจัดการขนส่งสินค้าโครงการรถไฟจีน-ลาว (คุนหมิง-เวียงจันทน์) ซึ่งเราสมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยมให้ LEO ได้บริหารจัดการการขนส่งราว 3 พันตู้สินค้าต่อปี (คาดปริมาณที่บริหารจัดการเพิ่มขึ้นปีละ +10%) ค่าขนส่งเฉลี่ย 1 แสนบาท/ตู้ กำหนดสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 6.5% จะได้ว่า รายได้และกำไรส่วนเพิ่มจากโครงการนี้ในปี 2565 เท่ากับ 300 ล้านบาท และ 19.5 ล้านบาท ตามลำดับ

ปรับประมาณการฯ ขึ้น

เราปรับประมาณการฯ ปี 2564-65 ขึ้น +14.8% และ +21.8% เป็น 174 ล้านบาท และ 221 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเป็นการปรับปรุงสมมติฐานปริมาณขนส่งสินค้าทั้งผ่านทาง Sea freight และ Air freight หลังจากที่ผลการดำเนินงาน 9M64 ดีกว่าคาด โดยเฉพาะค่าบริหารจัดการการขนส่งสินค้าทางเรือ และปริมาณการขนส่งทางอากาศ อย่างไรก็ดี ผลจากค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้จะทำให้รายได้ของ LEO เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง โดยเราคาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564-65 เท่ากับ 19.3% และ 18.7% ตามลำดับลดลงจาก 29.3% ในปี 2563 แต่เรายังคงประเมินผลสุทธิของปริมาณขนส่งและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นบวกต่อกําไรสุทธิของ LEO

ขณะที่ประมาณการฯ ปี 2565 แม้ว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศคาดว่าจะเริ่มชะลอตัวลง (ฐานสูงในปีจะได้แรงส่งจาก 2564) แต่คาดผลการดำเนินงานของ LEO การรับรู้รายได้การบริหารจัดการขนส่งกับพันธมิตร China Post แบบเต็มปี และมีรายได้ส่วนเพิ่มจากโครงการรถไฟจีน-ลาว

แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าพื้นฐาน 19.0 บาท (เดิม 15.1 บาท)

เราประเมินราคาเหมาะสม LEO ได้เท่ากับ 19.0 บาท อิงวิธี DCF โดยกำหนดสมมติฐาน WACC 7%, Terminal growth 3% ณ ราคาเป้าหมายดังกล่าว จะคิดเป็น Forward PE ปี 2565 = 27.6 เท่า ทั้งนี้เรายังไม่รวม Upside จากดีล M&A ที่คาดจะมีความชัดเจนภายใน 1Q65

- Advertisement -