ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ไซด์เวย์ / ปรับลดลงบ้าง

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ไซด์เวย์/ปรับลงบ้าง … หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อ (ตามคาด) หลังจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังแข็งแกร่ง และหุ้นกลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี ปรับขึ้นตอบรับราคาน้ำมันที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มงบไตรมาส 4/2564 ที่น่าจะแข็งแกร่ง … ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่อตลาดหุ้นเป็นลบเล็กน้อย ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานค่อนข้างแรง หลังจากรายงานการประชุมเฟด (FOMC minutes) จากการประชุม ธ.ค. 2564 ชี้ว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นว่าควรเริ่มลดขนาดงบดุล (balance sheet reduction) หลังจากเฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ซึ่งเร็วกว่าที่ consensus มองไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ และส่งผลให้บอนด์ยิลด์ของสหรัฐฯปรับขึ้นแรง และกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีระดับ valuations ค่อนข้างสูง … ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดทำการเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลงในระดับหนึ่ง และตลาดหุ้นไทยน่าจะมีรูปแบบคล้ายกัน … ด้านปัจจัยในประเทศ การติดเชื้อ Omicron เร่งตัวชัดเจนมากขึ้นอีก เช้าวันนี้ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ขึ้นมาที่ 5,775 ราย เสียชีวิต 11 รายและหายป่วยกลับบ้าน 2,673 ราย นักลงทุนจึงควรติดตามการประชุม ศบค. ในวันที่ 7 ม.ค. นี้ ซึ่งน่าจะมีการปรับมาตรการรับมือการติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron ขณะที่การระงับมาตรการ Test & Go น่าจะยึดเวลาออกไปอีก หลังจากสถานการณ์ Omicron ทั่วโลกรุนแรงขึ้นอีก

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร ECL, LEO, PTG*

  • ECL (เป้าพื้นฐาน 3.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.1 บาท / แนวต้าน 3.2 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 3.4-3.5 บาท (Stop loss 3.0 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มกำไรปี 2565-66 จะเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีนี้ จากการ i) ปรับคุณภาพพอร์ตสินเชื่อในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จนทำให้หนี้เสียลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ii) เดินแผนขยายพอร์ตเชิงรุกไปยังธุรกิจใหม่ๆ ต้นปี 2565 ได้แก่ ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ (เน้นลูกค้าเก่าประวัติดีผ่อนรถครบแล้ว) และสินเชื่อรถอีวี (จักรยานยนต์และรถเพื่อการพาณิชย์) ทำให้คาดแนวโน้มกำไรจะเติบโต +18% CAGR (2564-67) 3) PBV ปี 2565 = 1.82 เท่า คิดเป็นเพียง +1.0 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขณะที่คาดกำไรเดินหน้าทำ New high ต่อเนื่อง ประเมิน PBV จะถูก Re-rate ขึ้นตามแนวโน้มการปรับขึ้นของ ROE (จาก 3.5% ในปี 2563 เป็น 10.9% ในปี 2567)
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 16.3 บาท และ 16.0 บาท / แนวต้าน 17.0-17.2 บาท (Stop loss 15.0 บาท) 2) เราประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานยังเติบโตเด่น โดยคาดกําไรปี 2565 ยังทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 221 ล้านบาท (+26.4% YoY) i) ตามปริมาณการขนส่งสินค้าทั่วโลกที่ยังเร่งตัวขึ้น (สะท้อนมาที่ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่ยังทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง) และ ii) รับอานิสงส์จากการเป็นพันธมิตรกับ China Post Yunnan เต็มปี และเตรียมรับบริหารจัดการขนส่งสินค้าผ่านโครงการรถไฟจีน-ลาว ภายใต้ความร่วมมือกับ China Post Yunnan 3) Forward PE ปี 2565 บนประมาณการฯ ใหม่เท่ากับ 23.8 เท่า
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 20 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.0 บาท / แนวต้าน 15.4-15.9 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 16.5 บาท (Stop loss 14.8 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q64 = 162 ล้านบาท (-76% YoY, +158% QoQ) แม้จะมีปัจจัยลบจากค่าการตลาดน้ำมันที่ลดลง (มาตรการคุมราคาน้ำมันดีเซล) แต่ปริมาณขายน้ำมันคาดว่าจะฟื้นตัว +17% QoQ หลังคลายมาตรการล็อคดาวน์ 3) คาดเตรียมยื่นลิ่ง IPO บ. ลูก 2 ตัว (ธุรกิจ LPG คาดยื่นภายใน 1H65 เลื่อนมาจากปลายปี 2564 / ธุรกิจไบโอดีเซลคาดยื่นภายใน 2H65) 4) PE ปี 2565 คาดต่ำเพียง 14.3 เท่า ใกล้เคียง 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าเฉลี่ยในอดีต

หุ้นมีข่าว

(-) เปิดสูตรรีดภาษีคริปโต รางวัลชิงโชคก็โดนด้วย นิติบุคคลหนีไม่รอด! 3 เหรียญฮิตร้อนปรอทแตก (ข่าวหุ้น) กรมสรรพากรเปิดสูตรเก็บภาษี Capital Gain จาก “คริปโตเคอร์เรนซี” กรณีซื้อขายแลกเปลี่ยน รวมทั้งชำระค่าสินค้าบริการ ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ได้รางวัลชิงโชคก็โดนด้วย 5% กรณีฝากเหรียญเอาดอกเบี้ยจ่าย 15% ส่วนรับมรดกยกเว้นภาษีด้านนิติบุคคลไม่รอดต้องจ่ายภาษีด้วย ขณะที่เหรียญ JFIN, KUB, SIX เทรดกำไรทะลุ 1,000-7,000%

(+) JMART* ปักธงสู่เทคโฮลดิ้ง ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ดันกำไรโตไม่ต่ำกว่า 50% (กรุงเทพธุรกิจ) ผนึก “กลุ่มบีทีเอส” ขยายธุรกิจ “เจมาร์ท” ประกาศปี 2565 ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ “เทคโนโลยี อินเวสเมนท์ โฮลดิ้ง คอมพานี” ตั้งเป้ากำไรโตไม่ต่ำกว่า 50% ต่อเนื่องอีก 3 ปี พร้อมผนึกกลุ่ม BTS ขยายธุรกิจ

(+ BANPU) อินโดนตุนถ่านหินเพิ่ม ก่อนทบทวนห้ามส่งออก “วูด แมคเคนซี” มองอินโดอาจเลี่ยงการหยุดส่งออกทั้งเดือนม.ค. ได้ (ข่าวหุ้น) ทางการอินโดนีเซียได้ตุนถ่านหินเป็นพิเศษอีก 7.5 ล้านตันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อหลีกเลี่ยงไฟฟ้าดับ พร้อมเพิ่มสต๊อก แต่เตรียมพิจารณาคำสั่งห้ามส่งออกใหม่ในวันพุธที่ 5 มกราคม ซึ่งมีโอกาสที่รัฐบาลจะยกเลิกการห้ามส่งออกในเร็วๆ นี้ ด้าน “วูด แมคเคนซี” มองอินโดนีเซียอาจเลี่ยงการห้ามส่งออกถ่านหินในเดือนมกราคมทั้งเดือนได้ ราคาตราสารถ่านหินในจีนพุ่ง 7.8% ในวันแรกของการซื้อขายนับแต่มีประกาศห้าม

(+) CHAYO ลุยซื้อหนี้ทะลุเป้า ดันพอร์ตแตะ 7.5 หมื่นล้าน (ทันหุ้น) CHAYO เผยซื้อหนี้ปี 2564 ทะลุ 11,400 ล้านบาท ดันพอร์ตบริหารหนี้แล้วกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท วางเป้ารายได้ 3 ปี (2565-2567) เติบโตเฉลี่ย 20-25% ต่อปี พร้อมวางงบซื้อหนี้บริหารปี 2565 เพิ่มอีก 2,000-3,000 ล้านบาท ชูคอนเซ็ปต์หุ้น Growth Stock พื้นฐานดี มีสตอรี่ต่อเนื่อง

(+) UBE ปั๊มรายได้ปีนี้โต 15-20% อัดแคมเปญทำตลาดรีเทล จ่อปิด M&A 2-3 ดีล (ข่าวหุ้น) UBE ลั่นเป้ารายได้ปี 65 โต 15-20% หลังยอดขายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงและอุตสาหกรรมยังขยายตัว เตรียมอัดแคมเปญทำตลาดรีเทลแบรนด์ “Tasuko” พร้อมเปิดตัว “เชฟเอียน” เป็นแอมบาสเดอร์เร็วๆ นี้ ลุ้นปิด M&A 2-3 ดีลในปีนี้

(+) GLOCON คว้าไลเซนส์สกัดกัญชงจ่อเซ็น MOU พันธมิตรยักษ์ใหญ่ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “โกลบอล คอนซูเมอร์” คว้าใบอนุญาตสกัดน้ำมันจากเมล็ดใบอนุญาตผลิตอาหารจากกัญชง จ่อเซ็น MOU พันธมิตรยักษ์ใหญ่ร่วมวิจัยสูตรผสม ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สู่สากล หนุนศักยภาพการเติบโตแกร่ง ผู้บริหารส่งซิกพร้อมนำร่องส่ง Ready To Eat หลากหลายเมนู เสิร์ฟความอร่อยผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ 7-11

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • หุ้นที่ผ่านแนวต้านหลักๆ ได้แล้ว แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop: OCEAN (Trailing stop 1.8 บาท) / GPSC* (Trailing stop 86 บาท) / BBL* (Trailing stop 124 บาท)
  • EPG* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) แนวรับ 12.00 บาท / แนวต้าน 12.3 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 11.8 บาท)
  • SCC* (เป้าพื้นฐาน 494.4 บาท) แนวรับ 386 บาท / แนวต้าน 390-394 บาท (Trailing stop 385 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 14.4 บาท) แนวรับ 13.9 บาท / แนวต้าน 14.3-14.7 บาท (Trailing stop 13.5 บาท)
  • INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 89.5 บาท) แนวรับ 78 บาท / แนวต้าน 82-84 บาท (Trailing stop 76.5 บาท)
  • OTO (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนวรับ 12.0 บาท / แนวต้าน 12.7-13.4 บาท (Stop loss 12.0 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 16 บาท) แนวรับ 14.5 บาท / แนวต้าน 14.9-15.2 บาท (Stop loss 14.4 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • PTTEP แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 145 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q64 = 9.6 พันล้านบาท (+275% YoY, -1% QoQ) กำไรที่คาดจะดีขึ้น YoY เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง ขณะที่กำไรที่คาดจะอ่อนลง QoQ เป็นผลจากการบันทึกรายการพิเศษ อย่างไรก็ดี หากตัดรายการพิเศษกําไรจากการดำเนินงานจะเติบโต +16% QoQ
  • GFPT แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 13.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q64 = 67 ล้านบาท (-86% YoY Turnaround QoQ) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการฯ ปี 2565 ขึ้น 15% สะท้อนราคาเนื้อไก่ที่คาดจะยืนสูงต่อเนื่องใน 1H65 อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกไปพอควรแล้ว เราจึงคงคําแนะนําให้ “ถือ”

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -