Our View? ”พักบ้างอะไรบ้าง”

คาดตลาดวันนี้ “ย่อตัว” มองแนวรับที่บริเวณ 1665 / 1660 และแนวต้านที่บริเวณ 1,680 / 1,690 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ กังวลแนวโน้มการเร่งข้ึนดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลัง FED เปิดเผยรายงานการประชุม FOMC ในวันที่ 14-15 ธ.ค. ระบุตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัวเป็นอย่างมาก ทำให้ FED ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่ยังทำให้ FED รวมถึงการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ท้ังหมด เรามองเป็นปัจจัยเชิงลบต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ตาม เรายังคงเห็นแรงขายพันธบัตรสหรัฐต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้อตัราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี (US Bond Yield) ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ท่ีระดับราว 1.7% ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียงกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 สะท้อนตลาดผ่อนคลายความกังวลเคลื่อนย้ายเม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัย และมีแนวโน้มเข้าหาในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น มองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.พ. เมื่อคืนนี้ยังคงฟื้นตัวข้ึนต่อเนื่องทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น ปิดท่ีระดับ 77.85 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.86 ดอลลาร์ (+1.12%) หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ ปรับตัวลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 สะท้อนความแข็งแรงของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐ คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวข้ึนได้ในระยะสั้น

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง ต้ังแต่วันที่ 21 ธ.ค. มาผ่านมา โดยซื้อไปแล้วกว่า 6.1 หมื่นล้านบาท สะท้อนมุมมองท่ีดีต่อภาพเศรษฐกิจไทยท่ีน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q’64 และจะสามารถฟื้นตัวข้ึนได้ดีขึ้นในปีนี้ ขณะที่เราเชื่อว่านักลงทุนสถาบันคาดมีโอกาสพลิกกลับมาซื้ออีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลาง-ปลายเดือน ม.ค. นี้ หลังผ่านพ้นการไถ่ถอนกองทุน LTF เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap. โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, TTB) ที่คาดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะสามารถทำให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยโลกเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น พร้อมทั้งการตั้ง ECL ที่คาดจะเริ่มปรับลดลง ตั้งแต่ในช่วง 1Q’65 รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม EV Play (EA, GPSC, HANA และ SAT) ตามแนวโน้มการผลักดันการใช้รถไฟฟ้า (EV) ของไทย ที่ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 30% ของการผลิตทั้งหมด ภายในปี’ 73 และคาดว่าจะเริ่มเห็นการออกมาตรการกระตุ้นและสนับสนุนที่ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปีนี้

ขณะที่ยังต้องติดตามเกณฑ์ท่ีชัดเจนเก่ียวกับการจัดเก็บภาษีจากธุรกรรมขายหุ้น (Financial transaction tax) อัตรา 0.1% จากมูลค่าการขาย คาดยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้ บ้าง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “IRPC”

ซื้อเล่นสั้น แนวรับ 3.92 / 3.86 Target 4.14 / 4.26 Stop <3.74

- Advertisement -