TWZ ปิดจ๊อบระดมทุนด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนและหุ้นกู้แปลงสภาพ เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม กวาดเงิน 705.32 ล้านบาท หลังผู้ถือหุ้นใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มจำนวน 4,964.475 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 496.447 ล้านบาท ขณะที่หุ้นกู้แปลงสภาพอัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี มีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิจองซื้อ 208,876 หน่วย คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 208.876 ล้านบาท พร้อมติดปีกขยายธุรกิจ Non-Telecom ทั้งกัญชง กัญชา รวมทั้งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อสร้างโอกาสในการแสวงหาตอบแทนอย่างมั่นคงในอนาคต

นายกิตติพงศ์ กิตติภัสสร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า แผนระดมทุนด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวนไม่เกิน 4,964.47 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 496.447 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.10 บาท รวมถึงการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพที่ให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัท อายุ 2 ปี 6 เดือน กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 6.25% ต่อปี  จำนวนไม่เกิน 330,000 หน่วย ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท รวมมูลค่าระดมทุน 330 ล้านบาท ปรากฏว่า สามารถระดมทุนได้ตามแผนที่วางไว้ โดยมีผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มจำนวน ขณะที่หุ้นกู้แปลงสภาพฯ มีผู้ใช้สิทธิจองซื้อ 208,876 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 208.876 ล้านบาท ทำให้มูลค่าระดมทุนรวมในครั้งนี้อยู่ที่ 705.32 ล้านบาท

สำหรับเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนดังกล่าว นอกจากจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคตแล้ว บริษัทยังจะใช้เป็นเงินลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจที่ดำเนินการในปัจจุบัน ตลอดจนธุรกิจในอนาคตที่คาดว่าจะนำมาซึ่งรายได้และผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Non-Telecom ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจยานยนต์พลังงานไฟฟ้า และธุรกิจกัญชง กัญชา รวมถึงพืชกระท่อมและสมุนไพรอื่นๆ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา TWZ มีพัฒนาการด้านธุรกิจในสาย Non-Telecom อย่างมีนัยสำคัญ โดยในสายกัญชง กัญชานั้น หลังจาก TWZ ได้เข้าลงทุนจัดตั้งบริษัท สยามเมดิคอล แคนนาบิส จำกัด (SMC) ร่วมกับบริษัท เอเอไบโอ จำกัด (AABIO) โดย TWZ ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ผ่านบริษัท ซีบีดี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TWZ และ AABIO ถือหุ้นในสัดส่วน 51% ล่าสุดบริษัท สยามเมดิคอล แคนนาบิส ก็ได้รับคำสั่งซื้อน้ำมันกัญชงสกัดล่วงหน้าจากบริษัท แคนน์ โกลบอล จำกัด (Cann Global) ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมกัญชงของโลก โดยคาดว่าจะสามารถส่งสินค้าและรับรู้รายได้จากการขายเฟสแรกได้ในไตรมาสแรกของปี 2565

ขณะเดียวกัน บริษัท ซีบีดี ซึ่งบริษัทย่อยของ TWZ โดยเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์เทคโนโลยี LED เพื่อการเพาะปลูกกัญชงและกัญชา ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ในการจะซื้อจะขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีหลอดไฟ LED  สำหรับใช้ในกลุ่มการเกษตรและในโรงเรือนเพาะปลูกกัญชงและกัญชา ซึ่งมีอัตราส่วนระหว่างแสงที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชกัญชงในโรงเรือน เพื่อส่งเสริมการปลูกกัญชงในเชิงพาณิชย์และการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ที่สำคัญ NUSA และ TWZ จะร่วมมือกันพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีหลอดไฟ LED  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมถึงการจัดตั้งโรงงานจัดประกอบภายในประเทศในอนาคตอีกด้วย

“ขณะนี้ลูกค้าของบริษัทซีบีดี เป็นกลุ่มเกษตรและบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นผู้ขออนุญาตผลิต (ปลูก) พืชกัญชง กัญชา เชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม กับทาง อย. โดยได้รับอนุญาตแล้ว 1,255 ราย  มีเนื้อที่รวมกันกว่า 1 หมื่นไร่ มีโอกาสที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มผลผลิต ซึ่งเบื้องต้นมีผู้ที่สนใจและติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อแล้ว โดยบริษัทซีบีดีสามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีในไตรมาสแรกของปี 2565 เป็นเงิน 50 ล้านบาท และบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายอุปกรณ์เทคโนโลยี LED  ไม่น้อยกว่า 10,000 ชุด ในปี 2565 รวมเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท”

ด้านธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผ่านมาบริษัทได้บรรลุข้อตกลงโครงการรถเมล์ไฟฟ้าที่ลงนามสัญญา กับบริษัท ออลซีซันส์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ใช้วิ่งเป็นรถ Shuttle Bus ของอาคารออล ซีซันส์ เพลซ และโรงแรมคอนราด กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพลินจิต จำนวน 2 คัน ซึ่งโครงการนี้ TWZ  รับผิดชอบดูแลทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นตัวรถ การบำรุงรักษา พนักงาน  ขับรถ สถานีจ่ายไฟ โดยมีสัญญาระยะยาว 5 ปี ตั้งแต่ปี 2564-69 ขณะที่อีก 1 โครงการได้ส่งมอบรถจำนวน 26 คันให้กับลูกค้าไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดยังได้ผนึกความร่วมมือกับบริษัท โซลาตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ ร่วมกันพัฒนาติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าอีวี (EV) ให้กับกลุ่มตลาดรถไฟฟ้าอีวี โดยเบื้องต้นจะเริ่มติดตั้งสถานีแรกในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้

“ความสำเร็จจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะต่อยอดให้ธุรกิจของ TWZ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับผู้ลงทุน รวมถึงสร้างโอกาสธุรกิจที่ยั่งยืนให้กับบริษัทในอนาคตอย่างแน่นอน” นายกิตติพงศ์ กล่าว

************

- Advertisement -