Daily View

สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศกลับมาอยู่ในจุดที่ต้องจับตาใกล้ชิด เนื่องจากการติดเชื้อคล้ายว่าจะกลับมาเร่งตัวอีกครั้ง โดยติดเชื้อวันนี้อยู่ที่ 7.5 พันราย เป็นเหตุให้สาธารณสุขออกประกาศยกระดับเตือนภัย COVID-19 เป็นระดับ 4 จากระดับ 3 ซึ่งมีข้อกำหนดเบื้องต้นดังนี้ (1) งดร่วมทานอาหารร่วมกับผู้อื่น รวมถึงสุรา และควรเลี่ยงการไปศูนย์การค้า (2) เน้น Work From home และควรชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด โดยวันนี้แนะติดตามประชุมศบค.มีรายงานออกมาว่า อาจมีการพิจารณาปรับพื้นที่สีต่างๆอีกครั้ง ทั้งนี้สิ่งที่เรากังวลไม่ใช่ตัวเลขการติดเชื้อจาก Omicron แต่กังวลถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจถูกกระทบจากมาตรการควบคุม ทั้งนี้หากยังไม่มีสัญญาณที่เป็นปัจจัยบวก ชื่อว่าตลาดหุ้นจะยังเคลื่อนไหว Sideway ถึง Sideway Down ส่วนการปรับฐานจะแรงหรือไม่แรง ขึ้นกับว่าสถานการณ์ระบาดเป็นอย่างไร จากนี้หากมองกันที่กรณีเลวร้ายสุดที่เคยเกิดขึ้นในช่วงรอบ DELTA พบว่าจากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด SET INDEX ปรับฐานลงราว 8% หากอิงกับรอบล่าสุด แนวรับกรณีเลวร้ายสุดก็คาดไว้บริเวณ 1,550 ด้านตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยปัจจัยกดดันยังคงมาจากเรื่องของนโยบายการเงินที่มีโอกาสเข้มงวดมากกว่าเดิม ล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 80% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุม มี.ค. 22 สูง จากก่อนหน้านี้ราวช่วงสิ้นปี 21 ที่ตลาดมองโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม มี.ค. 22 เพียง 63% ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกัน 2 ปัจจัยระหว่าง FED, COVID-19 ในประเทศ เราให้น้ำหนักในประเทศมากกว่า เพราะมีผลโดยตรงกับผลประกอบการ ส่วน FED เชื่อว่ามีผลจำกัด เนื่องจากปัจจุบันเม็ดเงินขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยมาจากในประเทศเป็นหลัก

SET INDEX วันนี้อาจฟื้นตัวได้บ้าง กรอบ 1654 – 1660 หนุนจากจิตวิทยาเชิงบวกจากตลาดหุ้น Nikkei ที่ฟื้นตัว 1.1% แต่การฟื้นตัวคาด Upside ยังจำกัด โดยปัจจัยติดตาม ได้แก่ การรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะทราบผลคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg ประเมินที่ 4.26 แสนตำแหน่ง และอัตราว่างงานที่ 4.1% หากจะให้ตลาดผ่อนคลายมากขึ้น ตัวเลขควรจะต่ำกว่าคาด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน หากดัชนีปรับตัวขึ้น มองเป็นโอกาสลดพอร์ต ส่วนการ Trading ระยะสั้น เน้นหุ้นมีปัจจัยบวก อาทิ ได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า (TU) ราคา เนื้อสัตว์ปรับตัวสูง (CPF GFPT TFG) โรงพยาบาล (BCH CHG) ตามสถานการณ์ COVID-19

Stock Pick

PSL (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 21.20 บาท) คาดอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย (TCE) สำหรับเรือขนาดเล็ก-กลาง (Handysize และ Supramax) จะยังมีระดับที่ทำกำไรได้สูงตลอดทั้งปี 2022-23 จากประเด็นอุปทานล้นเกินที่หมดไป

BCH (ถือ/ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท) Trading ระยะสั้น จากตัวเลขติดเชื้อในประเทศกลับมาแตะ 7.5 พันรายสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ส่วนด้านพื้นฐานประเมินกำไร 4Q21 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+430YoY) มีแรงหนุนจากรายได้ธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งและจากวัคซีนทางเลือก

- Advertisement -