บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Bank Sector ประมาณการ 4Q64F: กำไรฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด

Event

ประมาณการ 4Q64

Impact

คาดกว่ากำไรสุทธิจะ -7% QoQ, +21% YoY ใน 4Q64F และ +22% YoY ในปี 2564F

กำไรที่ลดลง QoQ ใน 4Q64 สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลของธนาคารใหญ่ ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะเป็นเพราะฐานกำไรที่ผิดปกติของ BAY, BBL และ SCB ในขณะเดียวกันกําไรทั้งปีที่เพิ่มขึ้นในปี 2564F สะท้อนถึงการปรับลดค่าใช้จ่ายในการกันสำรองลงประมาณ 30bps ในปี 2564F, รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 7%, NII ที่ทรงตัว, และการบีบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโตเพียง +2% แต่หากไม่รวมการตั้งสำรองและ FVTPL กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรอง (PPOP) จะลดลง 4% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 12% YoY ใน 4Q64F และเพิ่มขึ้น 3% ในปี 2564F (โดยส่วนใหญ่มาจาก BBL, KBANK และ KKP)

มีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการหนี้เสีย

เนื่องจากมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ของทางการ ทำให้ธนาคารมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการกับหนี้ที่มีปัญหา โดยอาจพิจารณาตั้ง JV-AMC ร่วมกับบริษัท เอกชน, เก็บไว้ในรูป TDR ในธนาคาร, และขายออกไปให้กับ AMC ของธนาคารเอง ซึ่งการมีทางเลือกมากขึ้น ช่วยลดแรงกดดัน ทำให้ธนาคารมีเวลาในการบริหารจัดการ NPL และกำหนด credit cost ให้เหมาะสม กำหนดกับการเติบโตของกำไรธ. ดังนั้น เราจึงคาดว่าสัดส่วน NPL จะทรงตัวใน 4Q64F และคชจ. สำรองฯ ลดลงเล็กน้อย และ -30% ในปี 2564F

ภาวะเศรษฐกิจเอื้อต่อธนาคารใหญ่

เมื่อพิจารณาจากผลด้านบวกและลบของการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น, เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น และอัตราดอกเบี้ยขยับสูงขึ้นแล้ว สถานการณ์นี้เป็นผลบวกกับธนาคาร เพราะมันผลสะท้อนของภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งจากข้อมูลในช่วงปี 2551-2555 สถานการณ์ลักษณะนี้ทำให้สินเชื่อเร่งตัวขึ้นแรง และหนุน NII ของธนาคารเติบโตขึ้นอย่างมากตามอัตราดอกเบี้ยที่ขยับสูงขึ้น หลังจากนั้นประมาณ 6-12 เดือนเราคิดว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะส่งผลดีต่อธนาคารใหญ่ แต่ธนาคารเล็กจะถูกกระทบเนื่องจากพอร์ตสินเชื่อส่วนใหญ่คิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ เรามองว่าภาวะตลาดในปัจจุบันอาจจะเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่บ่งบอกว่า สมมติฐานอัตราการขยายตัวของสินเชื่อในปี 2565/66 ของเราที่ 6%/8% ยังมี upside อีก โดยสินเชื่อที่โตเพิ่มขึ้นทุกๆ 1% จะทำให้ประมาณการกำไรของเรามี upside เพิ่มอีก 0.7%

Valuation and action

การผ่อนคลายกฎเกณฑ์ของทางการเพื่อรับมือกับหนี้เสีย และ credit cost ที่ลดลง เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนผลประกอบการในปี 2564F สำหรับแนวโน้มการเติบโตในปี 2565F ยังคงขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละธนาคารในการขยายธุรกิจใหม่ๆ ภายใต้สถาวะ new normal ซึ่งเราคาดว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีใหม่ (technology transforming) จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและตัดสินว่าธนาคารใดจะเป็นผู้ชนะ โดยเราเลือก SCB, KBANK และ KTB เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มธนาคาร

Risks NPL และคชจ. สำรองเพิ่มขึ้น, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเร่งตัวขึ้น

- Advertisement -