Daily View

เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวลงในช่วงเปิดตลาดก่อนจะพลิกฟื้นกลับมาทรุดตัวเล็กน้อย (Dow Jones -0.45% S&P500 -0.14%) หลักๆ นักลงทุนกลับมากังวลกับสถานการณ์เงินเฟ้อ โดยล่าสุดทาง Goldman Sachs ระบุว่า ตนเชื่อว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มลดขนาดงบดุลในช่วงก.ค. หรืออาจจะเร็วกว่านั้น เนื่องจากปัจจุบันภาวะแรงงานเข้าสู่จุดแข็งแกร่งมาก สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปี ที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 0.9% โดยปัจจัยติดตามใกล้ชิดจากนี้ ได้แก่ เงินเฟ้อสหรัฐในวันพุธ (CPI) Bloomberg คาดที่ +0.4%MoM +6.8%YoY ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาด ก็จะยิ่งแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยิ่งสูงขึ้น กดดันตลาดหุ้นสหรัฐและอาจเป็นจิตวิทยาเชิงลบมายังตลาดหุ้นไทย แต่อีกนัยนึงจะส่งผลให้เงินบาทพลิกอ่อนค่า ซึ่งกลุ่มส่งออกจะเป็นผู้ได้ประโยชน์ (TU) ด้านในประเทศ (1) COVID-19 ล่าสุดทางกรมควบคุมโรคมีแผนที่จะประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่นด้วย เหตุผล 3 ข้อ (1) เชื้อเริ่มลดความรุนแรง (2) ประชาชนได้รับ Vaccine ในสัดส่วนค่อนข้างสูงแล้ว (3) การบริหารจัดการดูแลรักษาสามารถชะลอการระบาดได้ดี ซึ่งหากพิจารณาการเสียชีวิตแล้วก็พบว่าความรุนแรงของเชื้อลดน้อยลงตามที่กรมควบคุมโรคได้กล่าวไว้ ปัจจุบันการติดเชื้อทั่วโลกเร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ แต่ปรากฎว่าเสียชีวิตมิได้ทำจุดสูงสุดใหม่คล้ายกับการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม แนะติดตามอย่างเป็นทางการจาก WHO หากมีประกาศจาก WHO เชื่อว่าจะมีน้ำหนักมากกว่า (2) ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศโดยเฉพาะราคาสุกร ราคาหน้าฟาร์มปัจจุบันอยู่ที่ 112 บาท/กก. เทียบช่วงต้นปีที่ 106 บาท/กก. โดยสาเหตุของการปรับขึ้นมาจากหลายปัจจัย อาทิ ต้นทุนวัตถุดิบในการเลี้ยงที่สูงขึ้น รวมถึงปริมาณผลิตที่ลดลงจากโรคระบาดที่เกิดขึ้น แต่ปัจจุบันยังไม่เป็นที่ยืนยันว่าใช่โรค ASF หรือไม่ ทั้งนี้เราเชื่อว่าราคาสุกรจะยังยืนระดับสูงต่อไปอย่างน้อย 3 – 6 เดือน และราคามีโอกาสพุ่งสูงขึ้นจากเทศกาลตรุษจีนที่จะเริ่มต้นในช่วง 1 ก.พ. เป็นบวกต่อหุ้นค้าสัตว์ (CPF GFPT TFG) แต่จะเป็นลบกับหุ้นที่มีเนื้อสัตว์เป็นต้นทุน อาทิ ร้านอาหาร (CENTEL M MINT) ประเมิน SET INDEX แกว่งในกรอบ 1652 – 1663 เชิงกลยุทธ์ยังเน้นเป็นเพียงการ Trading ระยะสั้นในหุ้นที่มีปัจจัยบวก อาทิ ค้าสัตว์ (CPF GFPT TFG) ส่งออก ( KCE TU) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP)

Stock Pick

BCP (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 35 บาท) คาดกำไรปกติจะมีทิศทางดีขึ้นในปี 2022 เพราะคาดว่ากิจการโรงกลั่นจะมีอัตราการกลั่นและค่าการกลั่นที่ปรับดีขึ้น สู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 และมีส่วนแบ่งจากธุรกิจการตลาดค้าปลีกน้ำมัน โรงไฟฟ้า และชีวมวลที่มั่นคง

KCE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 103 บาท) คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวขึ้นแตะจุดสูงสุดของปีใน 4Q21หลังทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ ขณะที่การขยายกำลังการผลิตขึ้น 20% ในช่วงปลายปีนี้จะกลายมาเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของกำไรปี 2022 ได้อีกแรง

- Advertisement -