Our View? ” ไม่มีอะไรให้กังวลเพิ่ม”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways Up” มองแนวรับที่บริเวณ1663/1655 และแนวต้านที่บริเวณ 1,670 / 1,680 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา โดยไม่มีการส่งสัญญาณปรับใช้นโยบายทางการเงินที่รุนแรงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ขณะที่มองว่าแผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของ FED ในปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ สอดคล้องกับคาดการณ์ของเราก่อนหน้าที่ประเมินว่ารายงานการประชุม FED ที่ผ่านมาในประเด็นการปรับลดขนาดของงบดุล Quantitative Tightening (QT) เป็นเพียงการส่งสัญญาณให้ตลาดรับรู้เท่านั้น คาดตลาดจะเร่ิมผ่อนคลายความกังวลดังกล่าวมากขึ้น หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวข้ึนได้ต่อ

อย่างไรก็ตาม คืนนี้แนะนำติดตามการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญของ FED โดยตลาดคาดจะออกมาท่ีระดับ 7.1 % ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เรามองหากออกมามากกว่าที่ตลาดคาด อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นความกังวลของตลาดเกี่ยวกับในการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย และการเร่งทำ QT ของ FED ได้อีกครั้ง

ขณะที่เรายังมองกังวลการแพร่ระบาดที่รวดเร็วของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นเพียง Noise เข้ามารบกวนตลาดเป็นระยะบ้างเท่านั้น โดยเราพบว่าการเร่งตัวของผู้ติดเชื้อใหม่ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเร่งตัวขึ้นของผู้เสียชีวิต ทำให้เราคาดว่ารัฐบาลในประเทศต่างๆ จะไม่ออกมาตรการ Lockdown ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม แนะนำตามติดตามรายงานของการค้นพบเชื้อไวรัส COVID- 19 สายพันธุ์ Deltacron ในไซปรัส ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธ์ุดังกล่าว

สำหรับราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.พ. เมื่อคืนปรับตัวขึ้นแรง ปิดที่ระดับ 81.22ดอลลาร์/บาร์เรล +2.99 ดอลลาร์ หรือ +3.82% หลังมีรายงาน OPEC+ ผลิตน้ำมันต่ำกว่าโควตาที่กำหนด เนื่องจากประสบปัญหาการผลิตในประเทศไนจีเรียและลิเบีย คาดจะเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาน้ำมัน- หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้

ในส่วนของอินโดนีเซียส่งสัญญาณมีแนวโน้มกลับมาส่งออกถ่านหินอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ โดยเผชิญแรงกดดันจากหลายประเทศหลังจากห้ามส่งออกถ่านหินก่อนหน้า จากการที่อินโดนีเซียถือเป็นผู้ส่งออกถ่านหินให้ความร้อนรายใหญ่ท่ีสุดของโลก คาดจะกดดันทิศทางราคาถ่านหิน และค่าระวางเรืออ่อนตัวลงได้

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เรามีมุมมองเชิงบวกจากการที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีซื้อไปแล้วราว 1.14 หมื่นล้านบาท เรามองจะหนุนหุ้นในกลุ่ม BigCap. ปรับตัวขึ้นได้ต่อ ทั้งนี้ยังชอบหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, TTB) ที่คาดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะสามารถทำให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยโลกเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น พร้อมทั้งการตั้ง ECL ที่คาดจะเริ่มปรับลดลงตั้งแต่ในช่วง 1Q’65 รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม EV Play (EA, GPSC, HANA และ SAT) ตามแนวโน้มการผลักดันการใช้รถไฟฟ้า (EV) ของไทย ที่ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 30% ของการผลิตทั้งหมดภายในปี’ 73 และคาดว่าจะเริ่มเห็นการออกมาตรการกระตุ้นและสนับสนุนท่ีชัดเจนมากข้ึนตั้งแต่ปีนี้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันน้ี “KKP”

แนวรับ 65.00 / 64.50 Target 70.00 / 72.50 Stop <64.25

- Advertisement -