บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
THE SIAM CEMENT ตลาดปิโตรเคมียังแข็งแกร่ง
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) +35.9%
Close Jan 12, 2022 Price (THB) 390.00
12M Target (THB) 530.00
Previous Target (THB) 530.00
What’s new?
- คาดกาไรสุทธิ 4Q64 ท่ี 9.3 พันล้านบาท (+37% QoQ, +16% YoY) เทียบกับ 3Q64 ฟื้นตัวได้ดี เพราะไม่มีรายการด้อยค่ากดดัน และมีกำไรสินค้าคงคลัง 700 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติคาดทำได้ 8.6 พันล้านบาท (ทรงตัว QoQ แต่ +4% YoY) โดย 1) อุปสงค์ของปิโตรเคมีท่ีแข็งแกร่งช่วยชดเชยต้นทุนน้ำมันได้ 2) การเพิ่มยอดขายวัสดุก่อสร้างด้วยการส่งออก และขึ้นราคาขายช่วยชดเชยต้นทุนพลังงาน 3) อุปสงค์บรรจุภัณฑ์สูงขึ้นหลังการผ่อนปรนมาตรการควบคุม
Our View
- การ Conf. call แนวโน้มธุรกิจปี 2565 โทนเป็นบวก แม้ต้นทุนจะกดดัน แต่จะอุปสงค์ที่ฟื้นตัวจะช่วยให้ สามารถทยอยปรับราคาขาย และเพิ่มยอดขายชดเชย
- หาก 4Q64 ตามคาด กำไรปี 2564 จะมี Downside 2% คงประมาณการปี 2565 ท่ี 4.5 หมื่นล้านบาท
- แนะนำ “ซื้อลงทุน” จาก Valuation ไม่แพง และ 2-3 ปี ข้างหน้ามีการเติบโตท่ีน่าสนใจ และมีแผน Spin off
- คาดช่วง 2H65 ท่ีราคาพลังงานมีโอกาสพักฐาน และใกล้การ COD ของโครงการ Longson จะทำให้หุ้น Outperform ได้
ปิโตรเคมีแข็งแกร่ง คาดกำไรสุทธิ 4Q64 ฟื้นตัว
คาดงบ 4Q64 จะมีกำไรสุทธิ 9.3 พันล้านบาท (+37%QoQ, +16%YoY) ฟื้นตัวจาก 3Q64 สาเหตุหลักเพราะไม่มีรายการพิเศษการด้อยค่าสินทรัพย์เหมือนในไตรมาสก่อน รวมทั้งคาดว่าการปรับตัวขึ้นของวัตถุดิบปิโตรเคมีตามราคาน้ำมันดิบ จะทำให้มีกำไรสินค้าคงคลัง 700 ล้านบาท หากนับเฉพาะกำไรปกติ คาดทำได้ 8.6 พันล้านบาท (ทรงตัว QoQ แต่ +4%YoY) โดยแม้ส่วนแบ่งกำไรจะลดลงตาม Margin ของผลิตภัณฑ์ Butadiene ที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม คาดว่า 1) ผลการดำเนินงานหลักของธุรกิจปิโตรเคมีจะดีขึ้น QoQ สอดคล้องการปรับขึ้นของ Spread ทั้ง HDPE และ PP โดยอุปสงค์ที่แข็งแกร่งหลัง Covid-19 คลายตัว, ความต้องการใช้ช่วงปลายปี, และอุปทานที่จำกัดจากนโยบายควบคุม Dual Control ของจีน จะช่วยส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด 2) ผลการดำเนินงานหลักของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ดีขึ้น QoQ หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุม และอัตรากำไรฟื้นตัวจากต้นทุนวัตถุดิบ AOCC ต่ำลงสวนทางราคาผลิตภัณฑ์ขยับขึ้น 3) ผลการดำเนินงานหลักของธุรกิจวัสดุก่อสร้างทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากการรักษายอดขายระดับสูงด้วยการขยายฐานส่งออก, ฟื้นตัวจากฐานต่ำในไตรมาสก่อนที่ Site ก่อสร้างถูกปิด, และการทยอยปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์เพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงาน
แนวโน้มปิโตรเคมียังไปได้ดี…ส่วนวัสดุก่อสร้างขึ้นอยู่กับความสามารถการปรับราคา
การ Conf.call มุมมองธุรกิจปิโตรเคมีและวัสดุก่อสร้างกับผู้บริหาร ภาพรวมค่อนไปทางบวกโดย 1) ธุรกิจปิโตรเคมียังมีทิศทางที่ดี ประเมินว่าการเติบโตของอุปสงค์ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกจะช่วยชดเชยการปรับตัวขึ้นของต้นทุน Naphtha ได้ ขณะที่คาดว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับปี 2564 2) ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง แม้ความสามารถการทำกำไรจะยังถูกกดดันจากต้นทุนถ่านหิน แต่ภาพรวมตลาดจะดีขึ้น YoY แบบค่อยเป็นค่อยไปจาก Covid-19 คลายตัว และฐานต่ำใน 2H64 โดยบริษัทฯมีแผนเร่งปรับขึ้นราคาขาย เพื่อให้สะท้อนต้นทุนผลิต, เพิ่มสัดส่วนเชื้อเพลิงทางเลือก, และเร่งสร้างยอดขายด้วยการส่งออก
มีปัจจัยรองรับการเติบโตช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
หาก 4Q64 เป็นไปตามคาด ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ของเราที่ 4.9 หมื่นล้านบาท จะมี Downside เล็กน้อย (2%) ส่วนปี 2565 เราคงประมาณการกำไรปกติ 4.5 หมื่นล้านบาท (-7%YoY) ทั้งนี้มองข้ามไป 2-3 ปีข้างหน้า หุ้นมีปัจจัยการเติบโตที่น่าสนใจจาก 1) โครงการปิโตรเคมี Longson ที่เวียดนาม กำลังผลิต 2.95 ล้านตัน/ปี (+55%) คาด COD ภายใน 1H662) การขยายกำลังผลิตอีก 3.9 ล้านตัน/ปีของโครงการ Chandra Asri (ถือหุ้น 30.6%) คาด FID ภายในปี 2565 และใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี 3) การ Spin-off SCG Chemicals จะมีความชัดเจนภายในปี 2565 4) การขยายตัวของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ตามเทรนด์ E-Commerce และการ M&A
Valuation ไม่แพง…แนะนำ “ซื้อ ลงทุน”
ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 1.2 เท่า นับว่ามีสัดส่วนจากค่าเฉลี่ยกว่า -2.00SD ใกล้เคียงช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2551–2552 ที่ซื้อขายระดับ 1.1 เท่า เชิง Valuation ถือว่ามี Downside จำกัด นอกจากนี้ หุ้นยังมีเงินปันผลสม่ำเสมอเฉลี่ย 4-5% ต่อปี สำหรับงวด 2H64 คาดที่ 8.50 บาท/หุ้น (Yield 2.2%) คงราคาเหมาะสม 530.00 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุน” เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานมั่นคง ราคาไม่แพง มีการเติบโตระยะยาวท่ีน่าสนใจ คาดช่วง 2H65 ท่ีราคาพลังงานมีโอกาสพักฐาน และตลาดเริ่มให้น้ำหนักการ COD ของโครงการ Longson จะทำให้หุ่นกลับมา Outperform ได้ (บริษัทฯ จะรายงานผลประกอบการวันท่ี 26 ม.ค. 2565)