ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

เข้าสู่ช่วงพักสร้างฐาน

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์เทรดไซด์เวย์ … หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยปรับฐานลง (อ่อนแอกว่าคาด) ตามจิตวิทยาในตลาดหุ้นเอเชียที่เป็นลบ บอนด์ยิลด์ของสหรัฐฯที่ปรับขึ้นอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติและสถาบันภายในประเทศพลิกมาขายสุทธิพร้อมกัน ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยต่อตลาดหุ้นไทยเป็นลบเล็กน้อย i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลงเมื่อวันศุกร์ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจหลักๆ เช่น ยอดค้าปลีก ธ.ค. 2554 ลดลง 1.9% MoM (ตลาดคาดไม่เปลี่ยนแปลง MoM) และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.3% MoM (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.6% MoM) ขณะที่ผลประกอบการของหุ้นธนาคารในสหรัฐฯอย่าง Citigroup ต่ำกว่าที่ consensus คาดการณ์ ขณะที่งบฯ ของ JP Morgan สูงกว่าที่คาด แต่ราคาหุ้นปรับลดลงหลังผู้บริหารกังวลต่อผลกระทบจากเงินเฟ้อต่อต้นทุนค่าใช้จ่ายของธนาคาร บอนด์ยิลด์ 10 ปีของสหรัฐฯปรับขึ้น 1.79% และมีแนวโน้มที่บอนด์ยิลด์จะแกว่งขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดยังคงประสานเสียงเดินหน้าปรับนโยบายการเงินในปีนี้ ล่าสุดสัญญา Fed Fund Futures ให้น้ำหนักมากกว่า 90% ว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. 25565 และน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ด้านปัจจัยภายในประเทศเช้านี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ชะลอตัวลงอีกครั้งหนึ่ง อยู่ที่ 6,929 ราย เสียชีวิต 13 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 5,255 ราย ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และไม่ได้เร่งตัวตามการติดเชื้อสายพันธุ์โอมครอนในช่วงที่ผ่านมา

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร MAJOR*, AEONTS*, UBE

  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 19.1 บาท / แนวต้าน 20.1-20.3 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ประเมินมีโอกาสรีบาวด์ ทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 21 บาท (Stop loss 18.9 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ คาดผลการดำเนินงานจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป จาก i) การกลับมาเปิดโรงหนังได้ทุกแห่งตั้งแต่ ต.ค. 64 ii) หนังฟอร์มใหญ่ที่เลื่อนมาฉายหลายเรื่อง และ iii) คาดยอดขายเครื่องดื่ม / ขนมขบเคี้ยวฟื้นตัว 3) ฝ่ายวิจัยฯ คาดปี 2565 พลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงาน +588 ล้านบาทได้ หลังจากที่ขาดทุนจากการดำเนินงานมา 2 ปีติดเพราะโควิด-19
  • AEONTS* (เป้าพื้นฐาน 240 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 186 บาท / แนวต้าน 191 193 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 208 – 220 บาท (Stop loss 180 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มสินเชื่อที่เริ่มมีแรงซื้อในลักษณะ Sector rotation (หมุนเล่นกลุ่ม Laggard) ขณะที่ Valuation AEONTS* ถูกด้วย Forward PE ปี 2564/65 (ปิดงบ ก.พ. ) เพียง 12.1 เท่า และ Forward PE ปี 2565/66 (ปิดงบ ก.พ. ) เพียง 9.7 เท่า (คาดกําไรปี 2565/66 โต + 13% YoY)
  • UBE (เป้าพื้นฐาน 3.2 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.34 บาท / แนวต้าน 2.42 – 2.54 บาท หาก Break ผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 2.7 บาท (Stop loss 2.28 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไร 4Q64 จะเติบโต QoQ และโตเด่น +220% YoY เป็นราว +/- 100 ล้านบาท จากปริมาณขายเอทานอล (เชื้อเพลิง) ที่ฟื้นตัว QoQ หลังผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ และปริมาณส่งออกแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค คาดจะเพิ่มขึ้น +150% QoQ (มีการเลื่อนส่งออกมาเป็น 4Q64 + เศรษฐกิจฟื้น) 3) Forward PE ปี 2565 ต่ำเพียง 17.2 เท่า ขณะที่คาดกำไรปี 2565 โต 86% YoY

หุ้นมีข่าว

(+) CGH เดินหน้าต่อยอดธุรกิจตั้ง PI VENTURE ลุยเทคโนโลโนยีดิจิทัล (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ราคาหุ้น “คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ราคายืนเทรดเหนือ 2 บาท หลังเดินหน้าต่อยอดธุรกิจด้วยการทุ่มงบ 500 ล้านบาท ตั้ง PI VENTURES มุ่งเทคโนโลยีดิจิทัลสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้บริหารเผยหวังเพิ่มทางเลือกและผลิตภัณฑ์ใหม่ให้นักลงทุน และความพร้อมการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจและสังคมสู่ยุคดิจิทัล

(+) ครม. เคาะอีวี 25 มกรา EA หัวหอกแบตเตอรี่ (ทันหุ้น) แพ็กเกจจ่อเข้าครม. 25 มกราคมนี้ ลุยสนับสนุนทั้งระบบทั้งรถยนต์ รถกระบะ ZEV ลดภาษีนำเข้าสรรพสามิต ให้เงินอุดหนุนสูงสุด 1.5 แสนบาท ส่วนจักรยานยนต์ ZEV ลดสรรพสามิตให้เงินอุดหนุน 1.8 หมื่นบาท ทั้งหมดผู้นำเข้าต้องลงทุนผลิตคืนด้วย เล็งเว้นอากรนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญ 9 รายการ ธุรกิจแบตเตอรี่ ที่ชาร์จ โรงประกอบ นิคม ได้ดี EA*-NEX-PTT*-GPSC* เด่น

(+) SUPER เพิ่ม COD 358 เมกฯ ปีนี้ รายได้แตะ 1.3 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น) “ซุปเปอร์” ลั่นเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.3 หมื่นล้านบาท โต 35% จากปี 64 เตรียมบันทึกกำลังการผลิตใหม่เข้าพอร์ตเพิ่ม 358 เมกะวัตต์ ทั้งจากโครงการวินด์ฟาร์ม เวียดนาม ที่จะทยอย COD มิ.ย. นี้ และโรงไฟฟ้าไฮบริด คาด COD ก.ย. นี้ พร้อมเดินหน้าศึกษาแผนขยายลงทุนในกัมพูชาและอินโดนีเซีย

(+) DOD ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 20% ทุ่มงบ 100 ล้าน รุกธุรกิจกัญชา-กัญชงเต็มสูบ (ข่าวหุ้น) DOD ตั้งเป้าปี 65 รายได้โต 20% พร้อมทุ่มงบ 100 ล้านบาท ปรับปรุงไลน์ผลิต-ขยายคลังสินค้า รุกธุรกิจกัญชา-กัญชงเต็มสูบ เตรียมเดินเครื่องสกัดเต็มกำลังตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 นี้ ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว กำลังซื้อกลับมา โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง

(+) PIMO ผลิตมอเตอร์เกษตรออเดอร์ทำนิวไฮ 1.2 แสนลูก (ทันหุ้น) PIMO เล็งผลิตมอเตอร์กลุ่มเกษตรทำเงิน พร้อมอัพกำลังผลิต BLDC เท่าตัว ฟากบิ๊กบอส “วสันต์ อิทธิโรจนกุล” ลั่นออเดอร์ล่วงหน้ายาว 6 เดือน พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.2 แสนลูกต่อเดือน ส่องภาพธุรกิจปีเสือดันรายได้ชน 1.2 พันล้านบาท

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • แนะนํา “Let profit run” โดยกําหนด Trailing stop: OTO (Trailing stop 16 บาท), ECL (Trailing stop 3.24 บาท), LEO (Trailing stop 16 บาท)
  • EPG* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) แนวรับ 12.1 บาท / แนวต้าน 12.6-13 บาท (Trailing stop 12 บาท)
  • GPSC* (เป้าพื้นฐาน 94.5 บาท) แนวรับ 85 บาท / แนวต้าน 88.5-90.0 บาท (Stop loss 83.5 บาท)
  • TFG (เป้า Consensus 4.97 บาท / สูงสุด 6.2 บาท) แนวรับ 5.0 บาท / แนวต้าน 5.2 – 5.35 บาท (Stop loss 5.0 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 20 บาท) แนวรับ 15.0 บาท / แนวต้าน 15.5-15.7 บาท (Stop loss 15.0 บาท)
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 160 บาท) แนวรับ 128 บาท / แนวต้าน 130-135 บาท (Stop loss 125 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 14.4 บาท) แนวรับ 14.2 บาท / แนวต้าน 14.7 – 15.0 (Trailing stop 13.8 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • SCGP* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 70.25 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q64 = 1.7 พันล้านบาท (+11% QoQ, +5% YoY) กำไรคาดว่าจะเติบโต QoQ เนื่องจากคาดรายได้เติบโต และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น (ต้นทุนวัตถุดิบลดลง) และกำไรที่คาดเติบโต YoY ส่วนนึ่งเป็นผลจากการการซื้อกิจการ คงคำแนะนำ “ถือ” เพราะ Upside จากราคาเป้าหมายจำกัด
  • TOP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 63 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q64 = 5 พันล้านบาท (-30% YoY, +142% QoQ) กำไรที่คาดลดลง YoY เพราะไม่มีกำไรพิเศษเช่นใน 4Q63 (กำไรจากการขายหุ้น GPSC) ขณะที่กำไรที่คาดจะดีขึ้น QoQ เป็นผลจาก Base GRM ที่ปรับขึ้นแรงตามภาพรวมอุตสาหกรรมฯ คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 63 บาท (ยังไม่รวมประเด็นเรื่องแผนการเพิ่มทุนเร็ว ๆ นี้)
  • กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนในกลุ่มเป็น “เท่ากับตลาดฯ” (จากเดิม “น้อยกว่าตลาดฯ”) เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มสดใสชัดเจนขึ้น ทั้งเรื่อง 5G, Internet of things (IoT), High performance computing (HPC), และรถ EV เลือก DELTA และ KCE เป็นหุ้นเด่น … แนะนำอ่านรายละเอียดบทวิเคราะห์หุ้นรายตัวเพิ่มเติม

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -