บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Mega Lifesciences (MEGA TB) 4Q64 เติบโตชะลอตัว QoQ

คงคำแนะนำซื้อ ลดราคาเป้าหมายเหลือ 55 บาท

เราคาดว่ากำไรหลัก 4Q64 จะเติบโต 6% YoY และลดลง 11% QoQ สู่ระดับ 477 ล้านบาท ปกติแล้วไตรมาส 4 จะมีกำไรสูงสุด แต่การลดลง QoQ ในไตรมาส 4/64 นี้อาจเกิดจาก 1) การระบาดของโควิดคลี่คลายลง (ประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดสำคัญติดเชื้อสูงสุดใน 3Q64) และ 2) ความขัดแย้งทางการเมืองในเมียนมาร์ (ตลาดหลัก) ส่งผลยอดขายทรงตัวในธุรกิจจัดจำหน่าย โดยในไตรมาส 4/64 เราคาดว่ายอดขายธุรกิจแบรนด์จะเติบโต 4% YoY และลดลง 14.7% QoQ เป็น 1.74 พันล้านบาท และยอดขายธุรกิจจัดจำหน่ายจะทรงตัว YoY และลดลง 5.7% QoQ เป็น 1.76 พันล้านบาท ดังนั้นเราจึงปรับลดคาดการณ์กำไรหลัก 5.7% และ 5.3% สําหรับปี 64 และ 65 ตามลำดับ พร้อมหั่นราคาเป้าหมายเหลือ 55 บาท

คาดกำไรปี 65 เติบโต 3.4%

สำหรับปี 65 เราประเมินยอดขายของธุรกิจที่มีแบรนด์จะเพิ่มขึ้น 3% และยอดขายของธุรกิจจัดจำหน่ายจะทรงตัว ดังนั้นการเติบโตของยอดขายโดยรวมอาจอยู่ที่ 1.4% เป็น 1.47 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจแบรนด์มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าธุรกิจจัดจำหน่าย (63.5% เทียบกับ 20.6%) การเติบโตของยอดขายธุรกิจแบรนด์ที่สูงขึ้น อาจส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 41.3% ในปี 65 จาก 41.1% ในปี 64 ส่งผลให้กำไรหลักเติบโต 3.4% เป็น 1.9 พันล้านบาท ทั้งนี้หากการระบาดของโควิด-19 กลับสู่ภาวะปกติ เราคาดว่าการเติบโตของกำไรหลักจะเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป โดยเพิ่มขึ้น 9% ในปี 66 และ 12.2% ในปี 67

เดินหน้าปั๊มกำไรโตสองเท่าตั้งแต่ปี 62-68

ผู้บริหารตั้งเป้าเพิ่มกำไรเป็นสองเท่าตั้งแต่ปี 62-68 ซึ่งเรามองว่าเป็นไปได้ แม้แนวโน้มการเติบโตของกำไรในปี 65 จะอ่อนแออันเนื่องมาจากการการระบาดของ Covid อาจบรรเทาลง ในอดีต MEGA สามารถทำกำไรเติบโตสองหลักต่อปีได้ อันเนื่องมาจากความภักดีต่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งในธุรกิจแบรนด์ และเป็นผู้นำในธุรกิจการจัดจำหน่ายที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนาม เราคาดว่ากำไรหลักจะแตะ 2.6 พันล้านบาทในปี 68 เพิ่มขึ้นจาก 1.2 พันล้านบาทในปี 62

6Y PEG ที่ 0.9 เท่า ราคาไม่แพง

MEGA เทรดที่ 21.5 เท่า ของพีอีปี 65, ต่ำสุดในหุ้น healthcare ในภูมิภาค (เฉลี่ย 32.1 เท่า) ราคาหุ้นที่มี 18% อัพไซด์ของการประเมินราคาหุ้นแบบ DCF หมายถึง พีอีที่ราคาเป้าหมาย 25.4 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เนื่องจาก PEG ที่ 0.9 เท่าในช่วง 6 ปี (62-68) เราเชื่อว่าราคาหุ้นนี้ไม่แพง ถึงแม้จะมีการเติบโตของกำไรที่ช้าลงในปี 65 ซึ่งเป็นเหตุผลที่เรามีคำแนะนำซื้อ

ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ 1) โควิด 19 คลี่คลายเร็วกว่าคาดอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ 2) เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในเมียนมาร์ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจการจัดจำหน่ายอย่างมีนัยสำคัญ

- Advertisement -