บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

STONEHENGE INTER คาดกำไร 4Q64 โต QoQ และ YoY ตามกลุ่ม

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +20.96%

Close Jan 27, 2022 Price (THB) 8.35

12M Target (THB) 10.10

Previous Target (THB) –

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 4Q64 อยู่ที่ 39 ล้านบาท โต 21% QoQ และ 3% YoY จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ของรัฐบาล ทำให้ STI สามารถเข้าปิดงานจาก Backlog ที่มีอยู่ได้ดีขึ้น
  • คาดกำไรสุทธิ 1Q65 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการรับรู้งานค้างท่อในช่วง Lockdown ระหว่าง 2Q-3Q64 และการบริหารต้นทุน รวมถึงค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นต่อเนื่อง

Our View

  • ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลงเล็กน้อย 2% เป็น 143 ล้านบาท -4% YoY และปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ลงเหลือ 158 ล้านบาท จาก 168 ล้านบาท (+11%YoY)
  • ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ใช้ราคาเหมาะสม 2565 ที่ 10.10 บาท ปรับเพิ่ม PER จาก1 6 เท่าเป็น 17 เท่า เพื่อสะท้อนภาพการฟื้นตัว โดยจุดเด่นของ STI คือ Dividend Play เราคาดเฉลี่ย 5% ต่อปี และมีโอกาสจ่ายมากขึ้น เพื่อบริหารเงินสดส่วนเกิน

คาดงบ 4Q64 ฟื้นตัวทั้ง QoQ และ YoY

คาดกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% QoQ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3% YoY ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวได้จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการรับรู้รายได้ใน 2Q64-3Q64 ทำให้งานบางส่วนที่ถูกชะลอมาเริ่มกลับมารับรู้รายได้ได้ใน 4Q64 ขณะที่การควบคุมต้นทุนทำได้ดีขึ้น แต่ SG & A เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานตามฤดูกาล ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q65 คาดโต QoQ และ YoY ต่อเนื่อง จากการเร่งรับรู้งานที่ดีเลย์ตลอดทั้งปี 2564 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพราะรับรู้ต้นทุนไปมากแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดด้วย

Backlog ทรงตัวในระดับสูง ลุ้นงานใหม่มาเติมเต็ม

ปัจจุบัน STI มี Backlog รวมอยู่ที่ราว 4.0 พันล้านบาท เป็นของกลุ่ม STI ที่ 1.7 พันล้านบาท และ AEC ประมาณ 2.3 พันล้านบาท Backlog ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย จากผลของการรับรู้รายได้ใน 4Q64 และงานใหม่ที่คาดจะได้รับมีการเลื่อนประมูลออกไป เพราะผลจากการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า Backlog จะกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง และมีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ใน 2Q65 จากการเร่งอนุมัติงานก่อสร้างของภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ และงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่คาดว่าจะกลับมาประมูลอีกครั้งใน 1Q65 เช่น งานที่ปรึกษาโครงการรถไฟรางคู่สายเหนือเด่นชัย-เชียงราย และสายอีสานบ้านไผ่-นครพนม รวม 2 โครงการร าว 500-600 ล้านบาท

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 2565 ลงเล็กน้อย

เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลงเล็กน้อย 2% เป็น 143 ล้านบาท ลดลง 4% YoY (จากคาดการณ์เดิม 145 ล้านบาท) จากการรับรู้รายได้ที่ช้ากว่าคาด และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการดูแลผลกระทบจาก COVID-19  ส่วนกำไรสุทธิปี 2555 ปรับลงเหลือ 158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY (จากคาดการณ์เดิม 168 ล้านบาท)  เนื่องจากงานที่คาดว่าจะได้รับใน 4Q64 และจะเริ่มรับรู้รายได้ใน 1Q65 มีความล่าช้าออกไปจากที่เราคาดเล็กน้อย เราจึงปรับสัดส่วนการรับรู้รายได้ตลอดทั้งปี 2565 ลง

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ในฐานะ Value Play ที่กำลัง Turnaround

จากการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลง แต่เราปรับไปใช้ PER Multiplier ที่ 17 เท่า คิดเป็น +0.5 S.D. ของค่าเฉลี่ยที่ 15 เท่า (จากเดิมอิง PER 16 เท่า) เพื่อให้สอดคล้องกับผลประกอบการที่จะเข้าสู่โหมด Turnaround และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมครั้งแรกในรอบ 3 ปี ตามวัฏจักการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ราคาเหมาะสมปี 2565 ยังคงเดิมที่ 10.10 บาท ยังมี Upside จากราคาหุ้นปัจจุบัน 21% และมีผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 5% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดย STI มีความน่าสนใจตรงที่การจัดการกระแสเงินสดส่วนเกิน ซึ่งเราคาดว่าจะเห็นการจ่ายเงินปันผลในระดับที่มากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากมีการปรับนโยบายการจ่ายปันผล โดยอิงงบการเงินรวม จากเดิมที่อิงงบการเงินเฉพาะกิจการ

ความเสี่ยง – การชะลอตัวของเศรษฐกิจและงานก่อสร้าง รวมไปถึงต้นทุนค่าแรงที่ปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ

- Advertisement -