Daily Focus Selective Buy on Earnings and Low PER/PBV

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ฟื้นตัวได้ระยะสั้นปิดบวก 5.34 จุด ณ สิ้นวัน นำโดยกลุ่มค้าปลีกและอสังหาฯ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 1,645 จุดได้ ทำให้ภาพทางเทคนิคยังไม่เป็นบวก สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 972 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1 พันลบ. (แต่ Long SET50 Index Futures กลับสูงถึง 2.5 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,633-1,645 จุด บรรยากาศการลงทุนยังคงไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจน ตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศทั้งเงินเฟ้อ Core PCE สหรัฐฯเดือน ธ.ค. 21 ยังเร่งตัว และโดยรวมยังใกล้เคียงคาด (+0.5% M-M, +4.9% Y-Y) ส่วน PMI ของจีนเดือน ม.ค. 22 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักยังคงอยู่ที่การทยอยประกาศผลประกอบการ 4Q21 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งภาพรวมคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวหลังคลาย Lockdown และมีโมเมนตัมที่ดีต่อในปี 2022 โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play สวนภาคการท่องเที่ยวจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นใน 2H22 และทยอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้กลับสู่ระดับปกติในระยะยาว กลยุทธ์เราจึงยังเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวมีกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง และมี PER/PBV ไม่สูง คาดว่าจะเผชิญแรงขายที่จํากัด และ Outperform ตลาด

กลยุทธ์: เลือกลงทุนโดยเน้นหุ้น PER/PBV ต่ำ และหุ้นที่คาดกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : CK, EA, HMPRO, KBANK, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: NER

  • แนะนํา “เก็งกําไร” ราคาเป้าหมาย 9 บาท
  • คาดกําไรสุทธิ 4Q21 ทำจุดสูงสุดใหม่ +24% Q-Q, +29% Y-Y แม้รายได้จะลดลงเพราะมีปัญหาการขนส่ง จึงมี Order บางส่วนเลื่อนไปส่งมอบในเดือน ม.ค. 22 แต่ราคาขายปรับสูงขึ้นจึงคาด Gross Margin ปรับขึ้นและคาดพลิกมี FX Gain
  • จบปี 2021 คาดกำไรสุทธิ +44% Y-Y บริษัทยังตั้งเป้ารายได้ปี 2022 +14% จากการขยายกำลังผลิตเพิ่มและยังมองราคายางสูงขึ้นต่อ 3-5% ส่วนรายได้แผ่นปูรองนอนวัวยังไม่มาก คาดไว้ 2% ของรายได้รวม คาดกําไรปี 2022 +6%
  • แนวรับ 7-6.90 บาท แนวต้าน 7.30 // 7.60 บาท

Fund Flow: เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนยังไหลออกจากภูมิภาคอีก US$ 1,058 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวันประเทศละ US$ 519-552 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินค่อนไปในทางไหลเข้ามีเพียงไทยที่ไหลออก US$ 30 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก โดยยังคงมีความกังวล FED ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด ขณะที่ตัวเลข PMI จีนเดือน ม.ค. ชะลอตัว

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) TU-RBF จัดตั้งบริษัทร่วมทุนรุกตลาด Food Ingredients ในอินดีย โดย RBF ถือหุ้น 51% TU 19% และบ.ย่อยของ Avanti 30% โดยจะนำสินค้าที่ RBF ผลิตเข้าไปขาย ซึ่งมี Avanti ดูแลด้านการตลาด ในเชิงตัวเลขทางการเงินยังไม่ชัดเจน แต่เรามองบวกต่อ RBF ในแง่การเติบโตที่จะเพิ่มขึ้น ส่วน TU มองบวกเล็กน้อย แต่ไม่มีนัยยะนัก เนื่องจากฐานกำไรที่ค่อนข้างใหญ่ คงราคาเป้าหมาย TU 30 บาท แนะนำ “ซื้อ” ส่วน RBF ราคาเป้าหมาย 21 บาท แนะนํา “เก็งกำไร”

(0) DTAC กำไรสุทธิ 4Q21 -12% Q-Q%, -37% Y-Y แม้จำนวน Subscriber จะเพิ่มขึ้น แต่ถูกกดดันจาก ARPU ที่ลดลงจากการแข่งขันที่ยังสูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายปรับขึ้นตามฤดูกาล และ Handset Subsidy จบปี 2021 กำไรปกติ -37% Y-Y ส่วน Guidance ปี 2022 ไม่โดดเด่น เราคงราคาเป้าหมาย 42 บาท แนะนำเพียง “ถือ” โดยรอพัฒนาการเรื่องการควบรวมกับ TRUE (Source: FSSIA)

(+) HMPRO คาดกำไร Q21 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง +79% QQ, +1% Y-Y หลังคลาย Lockdown ทำให้ SSSG ฟื้นแรงหนุนทั้งปี 2021 คาด +2% Y-Y ส่วนปี 2022 คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง และได้อานิสงส์บางส่วนจากช้อปดีมีคืน นอกจากนี้ยังเน้นเพิ่มสินค้า House Brand เพื่อเพิ่ม Margin และเปิดสาขาใหม่เชิงรุกมากขึ้น เราคาดกำไรปี 2022 +22% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 18.30 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) PJW การซื้อกิจการซักอบรีด Master Laundry อาจไม่ได้สร้างการเติบโตมากมาย แต่ช่วยสร้าง Recurring income เราคาดว่าในปี 2022 Master Laundry จะยังมีผลขาดทุนเล็กน้อยเพราะกลุ่มลูกค้าโรงแรมยังฟื้นไม่เต็มที่ และเริ่มทำกำไรได้ในปี 2023 เป็นต้นไป ปี 2022 จะเป็นปีที่ PJW เริ่มเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการลงทุนในอดีตเต็มที่ โรงงานบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นในจีนคาดเริ่มสร้างกำไรโรงงานพ่นสีในไทยมีกำไรต่อเนื่องและเติบโตตามตามอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะเดียวกัน New S-Curve ของบริษัท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ไซริงค์ จะเริ่มจําหน่ายหลังตรุษจีน และคาดเห็นความชัดเจนเรื่องการลงทุนรุกธุรกิจใหม่ Disposable Medical Devices เพื่อเตรียมชดเชยรายได้จากบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่จะถูกกระทบจากรถ EV ในระยะยาว เราคงประมาณการกำไรปี 2021 +45% Y-Y และคาดปี 2022-2024 +15% CAGR คงราคาเป้าหมาย 6 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 564.69 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 34,725.47 จุด หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีหลังหุ้น Apple +7% หลังเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสออกมาสดใส

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบจากความกังวลเกี่ยวกับเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ขณะที่ตลาดหุ้นจีน, เกาหลี, ฮ่องกง, สิงคโปร์ปิดทำการ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 21 เซนต์หรือ 0.24% ปิดที่ 86.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8.4 ดอลลาร์หรือ 0.47% ปิดที่ 1,786.6 ดอลลาร์ / ออนซ์จากแนวโน้มเฟดอาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,014.26 / +-

- Advertisement -