สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นในแดนบวก หลังจากช่วงก่อนหน้าดัชนีย่อตัวแรง ตลาดซึมซับปัจจัยความกังวล นโยบายทางการเงินของ FED ท่ีมีท่าที Hawkish ไปพอสมควร โดยหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และอสังหาฯ ปรับตัวขึ้นโดดเด่น เช่น CPALL, MAKRO, CPN, LH, BJC ส่วนหุ้นอิเล็กทรอนิกส์เผชิญแรงขายต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,639.51 จุด +5.34 จุด +0.33% มูลค่าการซื้อขาย 77,730 ลบ. ต่างชาติ -1,004.75 ลบ. TFEX +25,448 สัญญา ตราสารหน้ี -3,349.77 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 564.69 จุด +1.65% ปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีน้ี การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนตลอดท้ังสัปดาห์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ +0.24% ปิดที่ 86.82 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2% ในรอบสัปดาห์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่าปริมาณน้ำมันจะตึงตัวในตลาดโลก เช้าน้ีราคาน้ำมันพุ่งแรงจากมีข่าวกบฎฮูตียิงขีปนาวุธหวังถล่ม UAE

+ องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) อนุมัติให้ใช้ยาต้านไวรัสโควิด- 19 ของบริษัทไฟเซอร์สำหรับรักษาผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยขั้นรุนแรง ขณะที่ยุโรปกำลังพยายามอย่างหนักในการรับมือไวรัสสายพันธ์ุโอมิครอน

+ IMF แนะนำให้ BOJ ยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านเงินเฟ้อ และแนะนำให้กำหนดเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสำหรับพันธบัตรท่ีมีอายุไถ่ถอนสั้นลงด้วย

+ กรมทางหลวงทุ่มงบประมาณ 4.5 พันล้านบาท ลุยขยายมอเตอร์เวย์เชื่อมอู่ตะเภา รองรับการเดินทางในพื้นท่ี EEC วางไทม์ไลน์ตอกเสาเข็มปลายปี 65 การันตีพร้อมเปิดใช้ทันสนามบินอู่ตะเภาในปี 68

+ กรมสรรพากรผ่อนปรนเว้นเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้ก้ากับ ก.ล.ต.ท้ังภาษีหัก ณ ท่ีจ่าย 15% ภาษีมูลค่าเพิ่ม และยังให้น้ำผลขาดทุนมาหักกลบกับกำไรในปีภาษีเดียวกัน

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 8,008 ราย ATK 2,065 ราย มีผู้เสียชีวิต 16 ราย รักษาหาย 8,215 ราย

ปัจจัยลบ

– IMF เปิดเผยว่าแม้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นมากแต่ไม่สมดุล เนื่องจากมียอดการอุปโภคบริโภคท่ีอ่อนแอ รวมถึง ความไม่แน่นอนจากการใช้มาตรการปราบปรามธุรกิจในภาคเทคโนโลยี และภาคการผลิตที่ชะลอตัว

– โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี่ย 5 คร้ังในปี 2565 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้าน้ีท่ีคาดว่าจะปรับข้ึนอัตราดอกเบี้ย 4 คร้ัง โดยมีแนวโน้มจะปรับข้ึนอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค.

– คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธที่ยังไม่ทราบชนิดอย่างน้อย 1 ลูกลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งถือเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 7 ในเดือนนี้

– สถานการณ์การท่องเท่ียวไทยในปี 64 ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง จำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพียง 427,869 คน ลดลง 93.62%YoY ต่ำกว่าเป้าท่ีคาดไว้ 500,000 คน

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวข้ึนตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวใน ระดับสูง ขณะท่ีนักลงทุนยังวิตกกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด มองกรอบดัชนีในวันน้ีท่ี 1,630-1,650 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • ชุดตรวจ ATK : SMD WINMED TM
  • ได้ประโยชน์จากมาตรการ EV : EA NEX GPSC BCPG FORTH
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 : ERW CENTEL MINT AOT AAV BA ASAP
  • หุ้น Value Play KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC

หุ้นรายงานพิเศษ

CPN “มุมมองบวก – คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว” (Bloomberg Consensus 65.00 บาท)

  • ผบห.เล่าภาพการเติบโตและกลยุทธ์ท่ีจะใช้ในช่วง 5 ปีต่อจากน้ี (2022-26) บนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังฟื้นไม่เต็มที่ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการแข่งขันท่ีรุนแรง ซึ่งจะทำให้บริษัทหันไปให้ความสำคัญกับ 1) ช่องทางขายทั้ง Offline และ Online ให้มีความเชื่อมโยงกัน (Omni Channel) 2) Synergy กับ Partners (CRC, The One, JD Central และ MegaBangna) และ 3) เน้นพัฒนากลุ่ม Non-Retail มากขึ้น (Office, Hotels และResidential) ซึ่งจะผันตัวกลายเป็น Mixed-Use Developer ทำให้สัดส่วน Retail Prop. กับ Non-Retail ในปี 2026 จะปรับเป็น 72% และ 28% จากปี 2021 อยู่ท่ีระดับ 80% และ 20%
  • ผบห.คาดรายได้จะฟื้นกลับเท่ากับก่อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 (ปี 2019) อาจใช้เวลาอีกราว 1-2 ปี อย่างไรก็ดี คาดผลประกอบการในปี 2021 จะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว และคาดรายได้ปี 2022 ฟื้นโตราว 25- 30% (จากฐานต่า) โดยหลักแล้วจะมาจากส่วนลดค่าเช่าพื้นที่ซุ่งปรับลดลงเป็นราว 15-20% จากปี 2021 ท่ีให้ส่วนลดราว 50% ขณะที่แนวโน้มรายได้ช่วง 5 ปีต่อจากน้ี (2022-26) จะเติบโต CAGR เฉลี่ย 14-16% ต่อปี ซึ่งบริษัทมีหลายโครงการที่รอเปิดให้บริการในอนาคต อาทิ Central จันทบุรี (2022) , Dusit Central Park (2024) และอีกกว่า 10 โครงการที่อยู่ในแผนซึ่งอยู่ภายใต้ทั้ง GLAND และ SF
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแผนการเติบโตของ CPN ในช่วง 5 ปีต่อจากน้ี และคาดผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีท่ีผ่านมา คาดปี 2022 จะฟื้นโตดีทั้งกลุ่มธุรกิจเดิมและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SF ในโครงการ JV – Mega Bangna ที่คาดจะบันทึกเข้ามาเพิ่มปีละราว 400 ลบ.เบื้องต้น Bloomberg คาดกำไรปี 65 ราว 9,625 ลบ. +59%YoY

หุ้นมีข่าว

กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดนเพื่อหวังโจมตี UAE ในช่วงเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ (30 ม.ค.) โดยนับเป็นครั้งที่ 3 ภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่กลุ่มกบฎฮูตีก่อเหตุโจมตี UAE ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวร่วมสำคัญของกองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่กลุ่มกบฎฮูตีได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอิหร่าน ซึ่งเป็นคู่ปรับของซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) พุ่งข้ึน 94 เซนต์ หรือ 1.08% แตะที่ 87.76 ดอลลาร์/บาร์เรล (ที่มา อินโฟเควสท์)

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อ PTTEP (Bloomberg Consensus 145.00 บาท) เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการ 1Q65 จะเติบโตต่อเนื่องจากปริมาณการผลิตท่ีเพิ่มข้ึน และราคาน้ำมันท่ีปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง อีกท้ังยังมีปันผลอีก 3 บาท รวมปันผลปี 64 ที่ 5 บาทคิดเป็น 3.9%

(+) SAT (Bloomberg Consensus 27.25 บาท) เตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ “Tron E” จากไต้หวัน ลุยประกอบรถบัสไฟฟ้า รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า มองเป็นเทรนด์ที่ต้องมา สอดคล้องกับนโยบายรัฐ คาด 3-5 ปี เห็นผลชัดเจน ส่วนปี 2565 มองอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวแรง คาดผลงานโตมากกว่าอุตสาหกรรม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TU-RBF (Bloomberg Consensus 26.00 , 22.70 บาท) TU-RBF-อะแวนติ กรุ๊ป ร่วมตั้งบริษัทร่วมทุน ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านรูปีอินเดีย ลุยธุรกิจส่วนผสมอาหารในอินเดีย ชี้เป็นตลาดใหญ่เติบโตเร็ว สำหรับธุรกิจวัตถุดิบท่ีใช้ในส่วนผสมของอาหาร ทั้งวัตถุดิบ สารปรุงแต่งรส สี และ Food Coating (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NUSA (Bloomberg Consensus – บาท) “ณุศาสิริ” คาดงบปี 65 พลิกมีกำไร เริ่มเห็นได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 หลังปรับโครงสร้างรุกธุรกิจสุขภาพ-พลังงานมากขึ้น ตั้งเป้ารายได้ 3,000 ล้าน บาท จ่อล้างขาดทุนสะสม 3,435 ล้านบาท ภายในปี 66 ยันออกหุ้นเพิ่มทุนให้ PP แลกหุ้น WEH มองผลตอบแทนจากปันผลท่ีดี ไม่ใช่การแบ็กดอร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งสปินออฟ “เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ฯ” เข้าตลาดหุ้น สรุปความชัดเจนภายในปีนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • สัปดาห์ที่ 4 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
  • 31 ม.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 31 ม.ค.อียูรายงาน GDP 4Q64 (ประมาณการเบื้องต้น)
  • 1 ก.พ. สหรัฐรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากมาร์กิต ดัชนีภาคการผลิตเดือน ม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
  • 2 ก.พ. ประชุมโอเปกพลัส

สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค. จาก ADP สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

  • 3 ก.พ. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ม.ค.จากมาร์กิต

ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย

  • 15-16 มี.ค. กำหนดประชุม FED
- Advertisement -