Our View? ”ดีดกลับ”
คาดตลาดวันนี้ “Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,630/1,620 และแนวต้านที่บริเวณ 1,640 / 1,650 มองตลาดยังอยู่ในภาวะการผ่อนคลายความกังวลแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้าของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขณะที่ปัจจุบันเริ่มปรับตัวรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว สะท้อนจาก CME FED Watch Fools บ่งชี้ตลาด Price-in ไปแล้วว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 5 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ดัชนีวัดความผันผวนของตลาด VIX Index ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 24.83 จากการปรับตัวขึ้นสูงถึง 38.94 ก่อนหน้า รวมทั้งดัชนี Fear & Greed Index เริ่มฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 39 สะท้อนตลาดเร่ิมลดความกังวลลง คาดราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะเร่ิมผ่อนคลายความกังวล และฟื้นตัวกลับได้บ้าง โดยเมื่อคืนน้ีตลาดสหรัฐฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งจากแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังปรับตัวลงแรงจากประเด็นดังกล่าว คาดวันนี้หุ้นในกลุ่ม Semiconductor ของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจาก Sentiment เชิงบวกดังกล่าวได้เช่นกัน
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. เดือน มี.ค. เมื่อคืนนี้ยังคงทรงตัวได้อยู่ในระดับสูง ปิดที่ 88.15 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.33 ดอลลาร์ (+1.53%) โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากความกังวลในวิกฤตยูเครน ความทั้งความตึงเครียดในตะวังออกกลางจากการที่กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนยังคงเดินหน้าโจมตีสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ (UAE) กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน ทั้งนี้เรายังแนะนำติดตามการประชุม OPEC+ ในวันที่ 2 ก.พ. คาดจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นเพียง 4 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน มี.ค. ตามแผนเดิม อาจจะเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้อยู่ หนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานในประเทศได้อยู่
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศยังคงแนะนำติดตามการเปิดเผยผลประกอบการ 4Q’64 ของ บจ. ในตลาดหุ้นไทยต่อ ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกจากการท่ีหุ้นในกลุ่มรับเหมา-ก่อสร้างคาดเร็วๆนี้น่าจะได้เห็นความคืบหน้าการประมูลงานรถไฟฟ้าสายม่วงใต้ ขณะที่เราคาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม ในช่วง 2Q’65 อาทิ รถไฟฟ้าสีส้มตะวันตก – โรงไฟฟ้าหลวงพระบาง จะเป็นแรงหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมา- ก่อสร้างได้ในระยะถัดไป โดยเราชอบ CK และ STEC มากที่สุด จากการที่ทั้ง 2 บริษัท ผ่านพิจารณาด้านคุณสมบัติและข้อเสนอด้านเทคนิคไปแล้ว อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามข้อเสนอด้านราคาอีกครั้ง อีกท้ังเรายังคงคำแนะนำให้เข้าลงทุนในหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ TTB) ที่คาดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเร่ิมเป็นแรงหนุนให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง รวมท้ังทิศทางดอกเบี้ยโลกเร่ิมปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น พร้อมทั้งการตั้ง ECL ที่คาดจะเริ่มปรับลดลงตั้งแต่ในช่วง 1Q’65 รวมท้ังหุ้นในกลุ่มบริหารสินทรัพย์ (AMC) (JMT, BAM และ CHAYO) ที่คาดจะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่ ธปท. ออกหลักเกณฑ์การร่วมทุนระหว่างธนาคาร – AMC ที่สามารถต้ังกินการร่วมทุน (JV) ในสัดส่วน 50-50 ได้ ในส่วนของหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว- โรงแรม (AOT, MINT, CENTEL และ ERW) คาดจะมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลอนุมัติการกลับมาเปิดใช้มาตรการ Test & Go อีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. นี้ รวมทั้ง Bloomberg จัดอันดับ The Covid Resilience Ranking ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่รับมือกับ COVID-19 ได้ดีท่ีสุดเป็นอันดับที่ 26 จาก 53 ประเทศ จากเดิมที่อยู่ที่อันดับ 44 ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ธ.ค. ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ระดับ 2.3 แสนรายแล้ว
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันน้ี “CK”
แนวรับ 21.10 / 20.90 Target 22.30 / 23.30 Stop <20.70