Daily Focus Selective Buy on Earnings and Low PER/PBV
ตลาดหุ้นวานนี้:
SET Index ฟื้นตัวได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ รวมถึงตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดทำการเช้านี้ โดยดัชนีปิดบวกได้ 9.30 จุด ณ สิ้นวัน นำโดยกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะค้าปลีกค้าที่ราคา Laggard มานาน สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นเล็กน้อย 377 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 663 ลบ. (และ Long SET50 Index Futures อีก 1.4 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้:
เราคาด SET Index มีแนวโน้มปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,655-1,660 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลาย หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ Rebound ได้ค่อนข้างดีเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง Dollar ระยะสั้นและกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากก่อนหน้านี้ตอบรับความกังวลทิศทางนโยบายการเงิน FED ที่จะตึงตัวเร็ว โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นี้ รวมถึงการเริ่มลดขนาดงบดุลใน 2H22 ส่วนสถานการณ์โอมิครอนไม่กระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะ ทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยฟื้นตัว เริ่มที่กลุ่มค้าปลีก ร้านอาหาร ส่วนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวคาดชัดเจนขึ้นใน 2H22 ขณะที่การทยอยประกาศผลประกอบการ 4Q21 ของบริษัทจดทะเบียนเราคาดไม่เป็นปัจจัยกดดัน ภาพรวมจะฟื้นตัวตามการคลาย Lockdown และมีโมเมนตัมที่ดีต่อในปี 2022 กลยุทธ์เราจึงยังเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง และมี PER/PBV ไม่สูงคาดว่าจะ Outperform ตลาด
กลยุทธ์: เลือกลงทุนโดยเน้นหุ้น PER/PBV ต่ำและหุ้นที่คาดกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : GFPT, HMPRO, PJW, SC, TKS
หุ้นเด่นวันนี้: XO
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
- คาดกำไร 4Q21 +6% Q-Q, +22% Y-Y จากปัญหา Supply Chain ที่คลี่คลาย แต่ยังมีปัญหาสายเรืออยู่บ้างโดยปี 2021 คาดกำไรจบที่ +43% Y-Y
- บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2022 โต 10%-15% Y-Y ซึ่งคาดหวังเห็นรายได้เร่งขึ้นใน 2Q22 สําหรับด้านต้นทุนยังไม่น่ากังวล มีเพียงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากแผนการสนับสนุนค่า Listing Fee ให้กับ Distributor มากขึ้น รวมถึงค่าเสื่อมที่จะรับรู้เต็มปี เรายังคาดกำไรปี 2022 +3% Y-Y แต่มี Upside
- แนวรับ 19.40-19.30 บาท แนวต้าน 20.40-20.50 // 21 บาท
(กรรมการและกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ XO)
Fund Flow:
วานนี้กระแสเงินทุนเบาบาง เนื่องจากหลายตลาดปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ส่วนตลาดอาเซียนเม็ดเงินค่อนมาในทิศทางไหลเข้านำโดยไทย US$ 20 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าจากเม็ดเงินที่ไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น หลังตอบรับความกังวลนโยบายการเงิน FED ที่ตึงตัวเร็วไปมากพอสมควรในเดือนก่อน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.พ. เราคาดว่าบรรยากาศการลงทุนจะผ่อนคลายขึ้นบ้าง หลังจากพักตัวในช่วงครึ่งหลังของเดือนก่อนไป และสะท้อนปัจจัยกดดันจากนโยบายการเงิน FED ที่จะดึงตัวเร็วไปมากพอสมควร ขณะที่การประกาศกำไร 4Q21 ของบริษัทจดทะเบียนคาดไม่เป็นปัจจัยกดดัน และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องใน 1H22 ซึ่งการระบาดของโอมิครอนปัจจุบันกระทบจํากัด เรามองว่าจะยังเป็นการเกิด Sector Rotation จากหุ้น Growth และ Tech เข้าหา Value Play อย่างต่อเนื่อง จังหวะการพักตัวลงหาแนวรับ 1,620 +- จุด เป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นเพิ่ม ส่วนกลุ่มที่เราชอบ ได้แก่ ธนาคารอสังหาฯ เนื้อสัตว์ ยานยนต์ โรงกลั่น ได้แก่ GFPT HMPRO PJW SC TKS
(+) CK เรามองข้ามแนวโน้มกำไร 4Q21 ที่ไม่เด่นตามปัจจัยฤดูกาล โดยเฉพาะ CKP และไม่มีปันผลจาก TTW แต่ให้น้ำหนักกับทิศทางการรับงานใหม่มากกว่า โดยล่าสุดเซ็นสัญญารถไฟทางคู่เด่นชัยทำให้ Backlog ขยับขึ้นเป็น 4.7 หมื่นลบ. ขณะที่โรงไฟฟ้าหลวงพระบางมีโอกาสได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และวันนี้ติดตามการประกาศผลรถไฟฟ้าม่วงใต้ซึ่ งกลุ่ม JV CK STEC เป็นตัวเต็ง คาดหนุนการเร่งขึ้นของ Backlog ทำจุดสูงสุดใหม่แตะ 1.4 แสนลบ. ภายในปีนี้คงราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) LEO คาดกำไร 4Q21 ทำ New High +25% Q-Q, +33% Y-Y ดีกว่าที่เคยคาด ตามค่าระวางเรือและปริมาณการขนส่งที่ยังโตหนุนทั้งปี 2021 มีกำไรจบที่ +222% Y-Y แนวโน้มปี 2022 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตอีก 20-25% Y-Y (ไม่รวมซื้อกิจการ WA) โดยมีมุมมองว่าค่าระวางอาจสูงทั้งปี ขณะที่ปริมาณขนส่งยังเติบโตเราจึงปรับเพิ่มกำไรปี 2022 ขึ้นเป็น +12% Y-Y ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 17 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) JP เราคาดกำไร 4Q21 ก้าวกระโดด +102% Q-Q, +69% Y-Y จากฐานต่ำ และคาดกำไรทั้งปี 2021 +8% Y-Y แต่กำไรจะเริ่มยกฐานตั้งแต่ปี 2022 คาด +86% Y-Y จากการออกสินค้าใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืชหรือไข่น้ำ วางจำหน่ายแล้วใน RS Mall การเพิ่มสัดส่วนสินค้า Own brand และขยายช่องทางการจำหน่ายรวมถึง TV Home Shopping ประมาณการของเราค่อนข้างท้าทายสําหรับบริษัท ขึ้นกับความสําเร็จของสินค้าคงราคาเป้าหมาย 7.70 บาท แนะนำเพียง “ถือ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 406.39 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 35,131.86 จุด จากซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับลงแรงในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะหุ้น Netflix และหุ้น Tesla หลังจากนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุน
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีท่ามกลางการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ โดยตลาดหุ้นจีน, เกาหลีใต้, ฮ่องกง, สิงคโปร์ปิดทำการเนื่องในวันตรุษจีน ขณะที่ติดตามธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในเช้านี้
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 88.15 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ส่งผลให้ภาวะตลาดน้ำมันโลกดึงตัวท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันพุธนี้เวลา 22.30 น. ตามเวลาไทย
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 9.80 ดอลลาร์หรือ 0.6% ปิดที่ 1,796.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังปรับลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,017.75 / +3.49