Daily Focus Earnings and Value Play
ตลาดหุ้นวานนี้ :
SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยระหว่างมีแรงขายพักตัวลงในแดนลบก่อนจะรีบาวด์ขึ้นมา และปิดบวกได้เล็กน้อยอีก 3.02 จุด สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงถึง 3.7 พันลบ. (แต่สถานะใน SET50 Index Futures แต่ละกลุ่มไม่มีนัยยะ)
แนวโน้มตลาดวันนี้ :
เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Up แต่ Upside ระยะสั้นคาดจำกัดบริเวณ 1,680-1,683 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านหลัก โดยกลุ่มพลังงานคาดยังพยุงตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ยังยืนเหนือ US$90 ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดทุนทั่วโลกคือตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ของสหรัฐฯที่จะ ประกาศในคืนวันพฤหัสฯ ซึ่งหากเร่งตัวมากกว่าที่คลาดคาด มีโอกาสที่จะเกิดความผันผวนอีกครั้ง โดยเฉพาะแรงขายหุ้น Tech และ Growth ส่วนในประเทศเริ่มเห็นการทยอยประกาศกำไรบริษัทจดทะเบียน 4Q21 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพรวมคาดทยอยฟื้นตัวและจะดีขึ้นต่อเนื่องใน 2022 ซึ่งคาดยังทำให้กระแสเงินทุนยังคงอยู่ในทิศทางไหลเข้าในระยะ กลาง-ยาว กลยุทธ์จึงยังเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q21 แข็งแกร่ งและ Value Play ที่ PER/PBV ไม่สูง
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Value และมีแนวโน้มกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : GFPT, HMPRO, PJW, SC, TKS
หุ้นเด่นวันนี้ : GFPT
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท
- การฟื้นตัวดูเร็วกว่าคาด โดย 4Q21 คาดสามารถพลิกมีกำไรได้เล็กน้อย จากเดิมที่คาดยังขาดทุน หนุนจากการส่งออกและราคาไก่ในประเทศที่ฟื้นตัว และมีสายการผลิตไก่ปรุงสุกครบ 5 สายอีกครั้งนับตั้งแต่ไฟไหม้ปี 2019
- ล่าสุดราคาไก่หน้าฟาร์มยืนเหนือ 40 บาทต่อกิโล สูงสุดรอบ 5 ปีๆได้ต่อเนื่อง เป็นบวกต่อกำไร 1Q22 ให้เร่งตัว เราคาดกำไรปี 2022 +715% Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน
- แนวรับ 13.20-13 บาท แนวต้าน 13.50//14-14.20 บาท
Fund Flow:
วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$308 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$326 ล้าน และ US$234 ล้าน ตามลำดับ แต่ตลาอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าหนาแน่นทั้งอินโดนีเซียและไทย US$136 ล้าน และ US$111 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดผสมผสาน โดยรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯปลายสัปดาห์
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) REIT Focus อาจได้รับความสนใจลดลงบ้างจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่ทยอยตึงตัวขึ้น ทําให้ผลตอบแทน YTD -7% Underperform SET Index ส่วนโอมิครอนที่ระบาดแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเร่งตัวอีกครั้ง แต่เรามองโอกาส Lockdown ต่ำตามความรุนแรง ทำให้เศรษฐกิจไทยคาดฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ 4Q21 ต่อเนื่อง 2022 เรามองกลุ่ม PF&REIT ยังน่าสนใจจากความ Laggard โดยเลือก Top Pick เป็น AIMIRT ALLY DIF FTREIT HREIT ซึ่งให้ Dividend Yield เฉลี่ย 6.6% ต่อปี
(+) ADVANC ประกาศกำไร 4Q21 ใกล้เคีงคาด +8% Q-Q, -4% Y-Y หนุนทั้งปี 2021 จบ -2% Y-Y ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2022 โต Mid-Single Digit มี Upside จากประมาณการบางๆ และรุกตลาดด้าน Cloud Services Cyber Security และ Data Center เพิ่มขึ้น ประมาณการกำไรปี 2022 ของ FSSIA คาด +8% Y-Y ส่วนราคาเป้าหมายอยู่ที่ 260 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(-) FSMART คาดกำไรสุทธิ 4Q21 -3% Q-Q, -16% Y-Y โดยมีการตั้งสำรองขาดทุนในมูลค่ายุติธรรมของบริษัท บ๊อกซ์24 จำกัด ส่วนกำไรปกติคาด +9% Q-Q, -6% Y-Y ปริมาณการใช้งานตู้บุญเติมยังฟื้นตัวช้ากว่าคาด ส่วนการขยายตู้เต่าบินในปี 2022 คาดเหลือเพียง 4,000 ตู้ เราปรับลดกําไรปี 2021-2022 ลงเป็น -9% Y-Y และ +2% Y-Y ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 10.50 บาท คงคําแนะนํา “ขาย”
(0) GPSC เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน 2 ปีข้างหน้าลดลงจากทั้ง Unplanned Shutdown รวมถึงต้นทุนก๊าซที่พุ่งขึ้น แม้ระยะยาวจะมีการลงทุนพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนเพิ่มจาก 11% ในปี 2020 เป็น 37% ของ Total MW ขณะที่เทคโนโลยี SemiSolid ของธุรกิจแบตเตอรี่ยังไม่แน่นอนในแง่การใช้งานและความ ปลอดภัยระยะยาว เราจึงปรับลดกำไรปี 2021-2023 เป็น +11%/+11%/+18% ตามลำดับ ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 90 บาท แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยเลือก EA เป็น Top Pick ของกลุ่มโดยเฉพาะ EVs Trend ที่กำลังมา (Source: FSSIA)
(+) IPO ใหม่ BBGI เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ในไทย การเติบโตมาจากการขยายตลาดสินค้า High Value Added หนุนรายได้ และ Margin รวมถึงการขยายกำลังการผลิต จุดแข็งของ BBGI คือความเสี่ยงเรื่องความต้องการที่ต่ำ โครงสร้างต้นทุนและการกระจาย Product Portfolio ที่ดี อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงระยะยาวคือ EV ที่อาจทำให้ Demand Ethanol ลดลง เราคาดกำไรปี 2021-2023 +43%/+9%/+21% ตามลำดับ ประเมินราคาเป้าหมาย 15 บาท (Source: FSSIA และ Finansia อาจเป็นผู้ จัดจําหน่ายฯ)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.39 จุด หรือ 0.004% ปิดที่ 35,091.13 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน และติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
(+) ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ และตลาดโตเกียวได้ปัจจัยหนุนจากบริษัทจดทะเบียนของญี่ปุ่นเปิดเผยผลประกอบการในเชิงบวก
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.94 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 99 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 91.32ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีสัญญาณความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้สหรัฐตัดสินใจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและทําให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 14 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,821.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,011.60 / +-