บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) +41%
Close Feb 08, 2022 Price (THB) 18.40
12M Target (THB) 25.90
Previous Target (THB) 31.20
What’s new?
- คาด 4Q64 แม้ COVID-19 เริ่มบรรเทาความรุนแรง แต่คาดกำไรยังเติบโตเด่น YoY
- แนวโน้ม 1Q65 คาดยังเห็นการเติบโตดี YoY เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในเดือน ม.ค. ที่กลับมาสูงจากการระบาดของ Omicron
- ปี 2565 คาดกำไรลดลงจากฐานสูง แต่ยังดีกว่าช่วงก่อน COVID-19 ระบาดรุนแรง ซึ่งบริษัทให้เป้ารายได้เติบโตดีกว่าปี 63 ถึง 104%
Our View
- แม้ว่ามองว่าผลประกอบการของ BCH จะผ่านจุดพีคตั้งแต่ใน 3Q64 ไปแล้วในปี 2565 แม้กำไรจะชะลอตัวแต่ถือว่าเติบโตดีกว่าช่วงก่อน COVID-19 และยังมี upside ซึ่งบริษัทตั้งไว้สูงกว่าที่เราและตลาดคาด
- เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” เราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 25.90 บาท อิง P/E เฉลี่ย 5 ปีที่ 35X
BANGKOK CHAIN HOSPITAL 4Q64 ยังเติบโต YoY…ปี 65 แม้ชะลอ แต่ฐานกำไรสูงกว่าอดีต
4Q64 คาดกําไรชะลอตัว QoQ แต่ยังเติบโตเด่น YoY
เราคาดกำไรใน 4Q64 ที่ 2,022 ล้านบาท -30% QoQ, +626% YoY ผลประกอบการชะลอตัว QoQ เนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ที่บรรเทาความรุนแรงลง ส่งผลให้เคสตรวจและรักษา COVID-19 ลดลง ไปราว 25-30% จากช่วง 3Q64 ส่งผลให้รายได้ปรับลดลง 17%QoQ อย่างไรก็ตาม เทียบ YoY ถือว่ารายได้เกี่ยวกับการให้บริการ COVID-19 ยังสูงกว่าปีก่อน และในไตรมาสนี้ยังมีรายได้จากการรับฉีดวัคซีนโมเดอร์น่าจํานวน 346,400 เข็ม รายได้เข้ามาราว 570 ล้านบาท ทำให้รายได้เติบโตเด่น 186% YoY กอปรกับบริษัทลูก รพ. ใหม่ที่เปิดดำเนินการต่างได้รับผลบวกจากรายได้ให้บริการ COVID-19 ได้แก่ เกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล อรัญญประเทศ เกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี และเกษมราษฎร์ เวียง ซึ่งผลทั้งยอดจากยอดขายที่เพิ่มสูงกว่าต้นทุน ส่งผลให้ EBITDA Margin ของ BCH ปรับเพิ่มจาก 4Q63 ที่ 25.3% เป็น 46.2%
ปี 2565 คาดกำไรลดลงจากฐานสูง แต่ยกระดับฐานกำไรสูงกว่าก่อน
แนวโน้ม 1Q65 คาดยังเห็นการเติบโตดี YoY เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในเดือน ม.ค. ที่กลับมาสูงจากการระบาด ของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron บริษัทให้ข้อมูลจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการในเดือน ม.ค.กลับมาดีกว่าช่วง 4Q64 อย่างไรก็ตาม ภาพรวมปี 2565 เราคาดว่าผลประกอบการจะชะลอจากฐานที่สูง ซึ่งในปี 2564 สัดส่วนรายได้จากการให้บริการเกี่ยวกับ COVID-19 มากกว่า 50% ส่วนปี 2565 คาดว่ารายได้เกี่ยวกับ COVID-19 คาดจะลดลงเหลือราว 25-30% ซึ่งการระบาดของ Omicron แม้จะระบาดได้รวดเร็ว แต่ถือว่าไม่ได้รุนแรง เรามองว่าตั้งแต่ 2Q65 จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ซึ่งรัฐบาลเตรียมประกาศให้เป็นโรคท้องถิ่น ขณะที่การที่รัฐบาลปรับลดเพดานค่าห้องรายวันสำหรับผู้ป่วยสีเขียวลงมา 33% ตั้งแต่ต้นปี และสนับสนุนการตรวจ ATK ซึ่งราคาถูกว่า RT-PCR ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้รายได้ต่อหัวเกี่ยวกับ COVID-19 ลดลง เรามองว่าคนไข้ที่ไม่ใช้ COVID-19 จะกลับมาเติบโตดี ผลบวกจากการเปิดประเทศ คนไข้ต่างชาติจะเริ่มกลับมา รวมถึง pent up demand ของกลุ่มลูกค้าโรคซับซ้อน แม้เราคาดว่ารายได้ปี 2565 จะปรับลดลง 48% YoY เหลือ 10,921 ล้านบาท แต่หากไปเทียบกับช่วงปี 2562 – 2563 คาดรายได้ยังเติบโต 22% และ 23% ตามลำดับ สำหรับกำไรปี 2565 เราปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 10% จากการปรับสมมติฐานรายได้เพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากกการระบาดในช่วงต้นปีที่รุนแรงกว่าที่เราคาดไว้ โดยคาดกำไรที่ 1,844 ล้านบาท -71% YoY
แนะนำ “ซื้อ” ราคาลงสะท้อนผ่านจุดพีค แต่พื้นฐานยังแกร่ง
ในปี 2565 แม้เราคาดกำไรจะชะลอตัวจากฐานที่สูง แต่หากเราไปเทียบกับระดับกำไรช่วงปี 2562-2563 ถือว่า กำไรของ BCH ยังเติบโตดีกว่าราว 50-60% ซึ่งมาจากทั้ง organic growth และ pent up demand เราประเมินมูลค่าพื้นฐานในปี 2565 แบบอนุรักษ์นิยมมากขึ้น โดยใช้ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 35x จะได้มูลค่าพื้นฐานที่ 25.90 บาท ขณะที่เราคาดปันผลปี 2564 จะสูงกว่าปีอื่นๆ ที่ 1.19 บาท คิดเป็น Yield ราว 6.4% จากราคาปัจจุบัน ประมาณการของเราและตลาดถือว่ายังมี Upside เมื่อเทียบกับเป้าที่บริษัทให้ไว้ว่ารายได้จะเติบโตถึง 104% จากปี 2563 (เป็นปีที่ตัดผลกระทบจากรายได้ COVID-19)