บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action
TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +15.0%
Close Feb 08, 2022 Price (THB) 3.18
12M Target (THB) 3.66
Previous Target (THB) 3.66
What’s new?
- คาด 4Q64 ขาดทุนปกติที่ 319 ล้านบาท ดีขึ้น QoQ และ YoY หนุนจากภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในไทย ได้รับอานิสงค์จากการคลาย Lockdown และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้ RevPar เฉลี่ยทั้งกลุ่มปรับขึ้นแรง +165% QoQ
- คาด 1Q65 ถูกกดดันจากการระบาด Omicron แต่สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มดีขึ้น และการนำ Test&Go กลับมาใช้เร็วกว่าคาด จะช่วยหนุนให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมาเร่งตัวดีอีกครั้ง
Our View
- เราคงประมาณการ และคำแนะนำ “TRADING” อิงราคา เหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 3.66 บาทต่อหุ้น (อิง EV/EBITDA ที่ 17X เทียบเท่า +1.0SD ของค่าเฉลี่ย ย้อนหลัง 5 ปี) แม้จะเริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัว QoQ แต่คาดตัวเลขนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงไม่มีรายได้จากธุรกิจอาหารมาช่วยหนุนภาพของ ERW ยังฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่มราว 1-2 ไตรมาส ทำให้เราชอบตัวเลือกอย่าง MINT หรือ SHR มากกว่า
THE ERAWAN GROUP ภาพรวมธุรกิจดีขึ้น…แต่ยังฟื้นช้ากว่ากลุ่ม
คาดผลประกอบการ 4Q64 ดีขึ้น QoQ YoY
เราคาดผลประกอบการ 4Q64 ขาดทุนปกติที่ 319 ล้านบาท ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ เทียบกับขาดทุนปกติ 623 ล้านบาทใน 3Q64 และดีขึ้น YoY เทียบกับขาดทุนปกติ 377 ล้านบาทใน 4Q63 หนุนจากภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในไทย ส่งผลให้ Rev Par เฉลี่ยทั้งกลุ่มปรับขึ้น +165%QoQ, +19%YoY สรุปสาระสำคัญดังนี้
(1) โรงแรมในไทยไม่รวม Hop Inn เราคาด RevPar เฉลี่ยที่ 494 บาท/คืน (+315% QoQ, +38%YoY) คาด Occ. Rate ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 30% (10% ใน 3Q64 และ 25% ใน 4Q63) ประกอบกับคาด ADR เฉลี่ยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +14% YoY หนุนจากการคลาย Lockdown และการเข้าสู่ช่วง High Season ทำให้มี Pent Up Demand สูง
(2) โรงแรม Hop Inn ในไทยคาด RevPar ที่ 384 บาท/คืน (+134% QoQ, -11%YoY) ยังเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวดีที่สุด คาด Occ. Rate ฟื้นตัวแรงที่ 60% เทียบกับ 27% ในช่วง 3Q64 แต่ Occ. Rate ลดลง YoY เนื่องจากปี 2563 ภาครัฐคลาย Lockdown ตั้งแต่เดือน มิ.ย.63 ขณะที่ปี 2564 เพิ่งเริ่มคลาย Lockdown ในเดือนก.ย.64
(3) โรงแรม Hop Inn ในฟิลิปปินส์ที่คาด RevPar ที่ 440 บาท/คืน (-11%QoQ, +56%YoY) คาด Occ. Rate ที่ 50% ลดลงจาก 60% ใน 3Q64 เนื่องจากไตรมาสก่อนได้แรงหนุนจากลูกค้าที่เข้าพักแบบ ASQ แต่ภายหลังฟิลิปปินส์คลาย Lockdown ทำให้การเข้าพักชะลอตัวลง แต่ยังเติบโตดี YoY จากฐานที่ในปีก่อน
(4) คาด GPM ใน 4Q64 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 41% เทียบกับ -27% ใน 3Q64 แม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นบ้าง แต่คาดเพิ่มเฉพาะในส่วนของค่าใช้จ่ายผันแปร ทำให้อัตราการทำกำไรทำได้ดีขึ้น
(5) คาดต้นทุนทางการเงินใน 4Q64 ลดลงเหลือ 115 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการนำเงินส่วนหนึ่งจากการขาย สินทรัพย์บนเกาะสมุยไปชำระหนี้ระยะสั้นแก่สถาบันการเงิน หากขาดทุนออกมาตามคาด ขาดทุนปกติทั้งปี 2564 จะอยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท ใกล้เคียงคาดการณ์ทั้งปีของเรา
ปี 2565 ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เดินหน้าขยายพอร์ต Domestic
ในช่วง 1Q65 เราคาดผลประกอบการที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวจะสะดุดลงชั่วคราวจากการระบาดของ Omicron ในไทย ที่กระทบทั้งการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงการระงับ Test&Go ชั่วคราว ทำให้ภาพการเร่งตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอลง แต่อย่างไรก็ดี การนำ Test&Go กลับมาใช้อีกครั้งในเดือน ก.พ. เร็วกว่าที่เราเคยคาดไว้ จะช่วยหนุนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาเร่งตัวขึ้นได้อีกครั้ง มีโอกาสที่ยอด Booking จะฟื้นตัวดีเหมือนในช่วง 4Q64 และคาดเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 2H65 เป็นต้นไป
กลยุทธ์ในปี 2565 บริษัทฯ ยังเน้นปรับ Portfolio ไปยังกลุ่ม Hop Inn ในประเทศมากขึ้น (เพิ่มสัดส่วน EBITDA กลุ่ม Hop Inn มาอยู่ที่ 40% ในปี 2568 จาก 16% ในปี 2563) เพื่อลดผลกระทบจากโรงแรมขนาดใหญ่โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง มีแผนเปิดโรงแรม Hop Inn เพิ่ม 8 แห่งในปี 2565 (ฟิลิปปินส์ 2 แห่ง และไทย 6 แห่ง) ขณะที่กลุ่มโรงแรมในไทยที่ไม่ใช่ Hop Inn บริษัทฯ เน้นการออกโปรโมชั่นและเข้าร่วมโครงการภาครัฐเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในประเทศ ตัวเลขสะท้อนใน 4Q64 ที่กลุ่มโรงแรม Luxury ฟื้นตัวได้ดีกว่ากลุ่ม ฐานะทางการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่งจาก Occ. Rate ใน 4Q64 ที่ปรับตัวขึ้นส่งผลให้ EBITDA กลับมาเป็นบวก ดังนั้น Cash burn ต่อเดือนปรับลงเหลือ 30-40 ล้านบาท/เดือน (ช่วงวิกฤต 100-150 ล้านบาท/เดือน) และบริษัทฯ ยังมีแผนขายสินทรัพย์ที่สร้างผลขาดทุนออกเพื่อสร้างกระแสเงินสดรับ อีกทั้งในระยะยาวยังวางแผนนำเงินสดไปใช้เพื่อการขยายโรงแรม โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม Hop Inn สอดคล้องกับแผนการขยายกลุ่ม Budget Hotel
คงคำแนะนํา “TRADING” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 3.66 บาท
เราคงประมาณการปี 2565 ที่ขาดทุนปกติ 82 ล้านบาท และคงคำแนะนำ “TRADING” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2555 ที่ 3.66 บาทต่อหุ้น อิง EVEBITDA ที่ 17% เทียบเท่า +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี แม้จะเริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัว QoQ หลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย และได้รับอานิสงค์โดยตรงจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เราคาดตัวเลขนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงไม่มีรายได้จากธุรกิจอาหารมาช่วยหนุน ทำให้ภาพของ ERW ยังฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่มราว 1-2 ไตรมาส
ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) จำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะต่างชาติอาจต่ำกว่าคาดการณ์ และ 2) การระบาดของ COVD-19 เกิดการกลายพันธุ์ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอีกครั้ง